รายงานโดย
คุณโชติกา ติ๋วโวหาร
หัวหน้าฝ่ายการศึกษา
อาสาสมัครฉือจี้ ราชบุรี
มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย
---------------------------------------
วันที่จัดกิจกรรม: วันที่ 23-24 เมษายน พ.ศ.2554
ชื่อกิจกรรม: ค่ายคุณธรรมฉือจี้รุ่นที่ 4
สถานที่: รพ.โพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลา : 08.00 น.-16.30 น.
อาสาสมัครฉือจี้กรุงเทพฯ : คุณสุชน แซ่เฮง คุณเมตตา ชิว คุณสุพิศ ทรัพย์สินทวีลาภ คุณมาลี อภิรักษ์รัตนพล คุณสิริภัทณ์เปาอินทร์ คุณมนู เปาอินทร์ อ.เรียม ศรีทอง คุณมณีรัชฎ์ เสริมสกุล ผศ.รัศมี กฤษณมิษ คุณอิงอร คุณพงศ์ชัย ทิพย์ธวัชวงศ์ษา คุณจิรัฐติกานต์ ยืนยั่งสมปรารถนา คุณอาฑิตยา ประทักษ์พิริยะ นายวีระชัย ทาบุญสม รวม 14 ท่าน
อาสาสมัครฉือจี้โพธาราม : คุณหมอสมบูรณ์ นันทานิช คุณสุพัตรา แตงฮ้อ คุณสายหยุด เล่นวารี คุณสำเนียง เภาประเสริฐ คุณชาญเดช สหสัจจญาณ คุณนฤมล คุณธร คุณทัศนีย์ นันทานิช คุณโชติกา ติ๋วโวหาร คุณนิตยา คำอาจ คุณฉวีวรรณ โกเมนเอก คุณฉวีวรรณ ธรรมรัตน์ คุณสุรีย์ ธรรมรัตน์ คุณวิภาพรรณ ธนพิรุณธร คุณกุลนภา สุรารักษ์ คุณสุรีย์พร วัฒนสืบสิน รวม 33 คน
นักศึกษาม.ราชภัฎนครปฐม: รวม 3 ท่าน
ผู้ถ่ายภาพ: คุณเพิ่มยศ ติ๋วโวหาร , คุณโชติกา ติ๋วโวหาร
ผู้ถ่ายวีดีโอ :
ผู้จดบันทึก: นางโชติกา ติ๋วโวหาร
รายละเอียดกิจกรรม :
หลังจากที่มีการจัดค่ายคุณธรรมฉือจี้ รุ่นที่ 2 เมื่อวันที่ 25-26 เมษายน 2552 ณ โรงแรมโกลเด้นซิตี้ จ.ราชบุรี มีเยาวชนเข้าร่วมประมาณ 60 คน เป็นการสร้างคุณธรรมให้แก่เยาวชนได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะว่าเมื่อเยาวชนกลับไปสู่ครอบครัวแล้ว ผู้ปกครองมิได้รับทราบถึงกิจกรรมและวิธีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมอย่างไรให้เยาวชนได้ปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน หากเราได้มีการอบรมต่อเนื่องให้เยาวชนรุ่นนี้มีพลังในการสร้างตัวเองให้เป็นต้นแบบแก่เยาวชนอื่น ๆ จะทำให้มีเยาวชนที่ดีเพิ่มมากขึ้นในจังหวัดราชบุรี ดังนั้น การจัดค่ายคุณธรรมฉือจี้รุ่นที่ 4 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจการศึกษาว่า เราจะดำเนินการอบรมให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่องและให้ได้ครอบคลุมเยาวชนในทุกระดับ ให้ต้นกล้าที่ได้บ่มเพาะเป็นต้นกล้าคุณธรรมอย่างแท้จริง
ครั้งนี้ฉือจี้จึงได้ได้เชิญผู้ปกครองมาเข้าค่ายกับเยาวชนซึ่งอาจจะเป็นลูกหรือหลานด้วย โดยได้รับรู้ เรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการสร้างพลังทางใจ สร้างความรัก ความเข้าใจระหว่างพ่อแม่และลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สามารถที่จะปฎิบัติกิจวัตรประจำวันที่ดีงามไปพร้อม ๆ กัน ถือว่าพ่อแม่เป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนฟันเฟืองให้หมุนไปอย่างช้า ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผลผลิตที่ออกมาได้มีคุณภาพสู่ครอบครัวและสังคมต่อไป ซึ่งครั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมไม่ต้องนอนค้างคืนให้มาเช้าเย็นกลับ เพื่อความสะดวกของผู้ปกครองและเด็กด้วย สิ่งสำคัญคือวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมนี้ต้องการฟื้นฟูความกตัญญู มารยาทและหลักการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบ ความขยันหรือรู้จักหน้าที่ของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตในสังคม เป็นการผลักดันส่งเสริมการศึกษาที่ถูกต้องและ วัฒนธรรมที่ดีงาม ทั้งนี้การอบรมครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของการสร้างต้นกล้าคุณธรรมให้เจริญเติบโตในท่ามกลางความรักความเอาใจใส่ของพ่อแม่และผู้ปกครองอย่างแท้จริง
การเริ่มต้นของกิจกรรม ในวันแรก วันที่ 23 เมษายน 2554 ได้รับการลงทะเบียนผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 36 คู่ ที่มาจากที่ต่าง ๆ เป็นอาสาสมัครฉือจี้บ้าง ผู้ที่เข้ารับการอบรมที่วิทยาลัยพยาบาลฯ บ้าง ได้รับทราบและจากการรชักชวนจากอาสาสมัครฉือจี้บ้าง และได้เดินทางมาจากจังหวัดนครสวรรค์ กรุงเทพมหานคร และราชบุรี พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายวารี จันเกษม นายกเทศมนตรีเมืองโพธารามเป็นประธานในพิธีเปิดงานครั้งนี้ การทำงานที่เต็มไปด้วยหัวใจเต็มร้อยของอาสาสมัครฉือจี้ทุกคน รวมถึงยังมียุวชน้อยที่มาร่วมแสดงละครและเยาวชนที่มาเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ด้วย
กิจกรรมในการอบรมของฉือจี้มุ่งเน้นการศึกษาในชีวิตประจำวัน มารยาท ในช่วงเช้ามีการแบ่งฐานให้ได้เรียนรู้ทุกคนตั้งแต่ การนั่ง ให้นั่งหลังตรงมือประสานที่หน้าตัก(หญิง) และวางไว้ที่หน้าตักทั้งสอง (ชาย) ไม่นั่งไข่วห้าง หรือเอนตัวซึ่งทำให้ดูไม่สง่างาม การยืน ให้ยึนในท่าที่สงบนิ่ง ตัวตรง เวลาเจ้าแถวไม่พูดคุย การเดิน ให้เดินเบา ๆ เป็นแถวอย่างเรียบร้อยไม่พูดคุยเวลาเดิน การแต่งกาย ให้ติดกระดุมเสื้อทุกเม็ด ใส่เสื้อในกางเกง สวมถุงเท้า รองเท้าให้เรียบร้อย จัดผมให้เรียบร้อยไม่รุงรัง และแต่งกายให้สุภาพรู้กาลเทศะ มารยาทในการรับประทานอาหาร ไม่พูดคุย ทานข้าวในจานของตนให้หมดเพื่อเป็นการถนอมบุญ มารยาทในการรับโทรศัพท์พูดจาสุภาพ ใช้คำพูดอย่างเหมาะสม และมารยาทชาวพุทธ การไหว้ การกราบ ทั้งพระสงฆ์และญาติผู้ใหญ่ ที่ถูกต้องและด้วยกิริยาที่อ่อนน้อม
กิจกรรมช่วงบ่าย อาสาสมัครได้เชิญผู้ปกครองไปรับฟังบรรยายเพื่อให้ผู้ปกครองรู้จักและมีความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติของมูลนิธิฉือจี้มากยิ่งขึ้น โดยคุณหมอสมบูรณ์ นันทานิช และนายแพทย์ สุภัค ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธารามได้มาแบ่งปันเรื่องราวกิจกรรมของฉือจี้ในโพธารามและประสบการณ์ชีวิตในการสอนลูกของตนเอง ทำให้ผู้ปกครองประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
ทางด้านเด็กๆ นั้นอาสาสมัครฉือจี้ได้สอนและได้เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการเรียนการสอนประกอบการแสดงละครเรื่อง ใครเป็นต้นเหตุ โดยนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลราชบุรี ทำให้เด็กๆไม่เบื่อและเข้าใจได้ดีขึ้นว่าการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะต้องทำอย่างไร คือ การคัดแบกขยะ และอะไรบ้างที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน คือกระป๋อง ขวดแก้ว พลาสติก โฟม แบตเตอรี่ หนังสือพิมพ์ เป็นต้น เด็กๆ ได้เรียนรู้ว่าขยะต่างๆ สามารถนำไปผลิตเป็นผ้าห่ม เสื้อ ผ้าพันคอ ต่างๆ ได้ หลังจากนั้นผศ.รัศมี กฤษณมิษได้ให้เกียรติมาสอนเรื่องความมุ่งมั่นให้กับเด็กๆ แบ่งปันเรื่องราวของชายสู้ชีวิตชื่อเซี่ยคุณซัน ที่แม้จะพิการแต่ใจไม่พิการกลับสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างปกติ อาสาสมัครให้เด็กๆ สัมผัสความรู้สึกการไม่มีมือใช้ปากวาดมือของตนลงบนกระดาษ จากนั้นใช้มือระบายสีตกแต่งให้สวยงามและติดบนกระบอกออมบุญ สอนให้เด็กๆ ออมบุญทุกๆ วัน ก่อนที่จะหยอดเงินลงไปนั้นก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานด้วย เพราะเรามีมือมีเท้าครบ เราจึงต้องใช้มันทำความดีเพื่อสังคมที่เราอยู่ และให้เด็ก ๆ อ่านวาทะธรรมพร้อมกัน “”
กิจกรรมช่วงท้ายของวันนี้ คือการจัดดอกไม้ก็เป็นอีกวิชาหนึ่งที่สำคัญในการเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมที่ดีงาม ความจริง ความดี และความงาม แฝงไว้ด้วยคำสอนให้รู้จักขอบพระคุณ เคารพและรักผู้อื่น โดยคุณฐิติมาอาสาสมัครฉือจี้กรุงเทพฯและคุณจารุวรรณอาสามัครฉือจี้โพธารามเป็นวิทยากรให้ความรู้และสอนวิธีการจัดดอกไม้ที่ถูกต้อง รวมถึงเป็นการอนุรักษืสิ่งแวดล้อมและใช้ของที่เหลือใช้ที่จะต้องนำไปทิ้งเป็นขยะมาใช้ให้เกิดคุณค่าและประโยชน์สูงสุด คือ คุณจารุวรรณได้นำขวดน้ำเกลือที่ทางโรงพยาบาลใช้แล้วมาล้างและตัดครึ่งเป็นภาชนะรองที่ปักดอกไม้ ส่วนดอกไม้นั้นก็อาศัยเก็บตามธรรมชาติ จึงแทบมิได้สร้างขยะขึ้นเลย ก่อนเข้าชั้นเรียนอาสาสมัครได้เตรียมตุ่มน้ำเล็กๆ ไว้หน้าห้องแล้วใช้กระบวยตักน้ำในตุ่มล้างมือทุกท่านก่อนจะเข้าเรียน ซึ่งก็คือ “ล้างมือ ล้างใจ” ให้จิตสะอาดบริสุทธิ์ ผู้ปกครองและนักเรียนช่วยกันจัดดอกไม้ ดอกไม้แต่ละดอกใบไม้ทุกใบที่ปักลงไปล้วนแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง ทั้งความจริง ความดีและความงามซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการจัดดอกไม้ กิ่งตรงคือความจริง ซื่อสัตว์และมุ่งมั่น กิ่งโค้งคืออ่อนน้อมถ่อมตน เคารพผู้อื่น ทุกส่วนในกระถางล้วนเสริมซึ่งกันและกัน ความงดงามของมวลรวมจึงจะเกิดขึ้นได้
กิจกรรมในวันที่สอง วันที่ 24 เมษายน 2554 ฉือจี้เน้นย้ำเรื่องความกตัญญูให้กับเด็กๆ ให้เด็กเล่นเกมสัมผัสความรู้สึกตั้งท้อง โดยเป่าลูกโป่งและใส่ไว้ในเสื้อเสมือนตั้งท้อง และห้ามเอาออกไม่ว่าจะเดินไปไหน หรือทำกิจส่วนตัวจนกว่ากิจกรรมจะเสร็จสิ้น ตอนแรกเด็กๆ ก็สนุกสนานที่มีอะไรให้เล่น แต่พอตั้งท้องได้สัก 2 ชั่วโมง ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดและรำคาญอยากจะให้เอาลูกโป่งออก บางคนก็ทำแตกไปและให้เป่าลูกโป่งใหม่และใส่เหมือนเดิน อาสาสมัครฉือจี้จะคอยบอกและเตือนให้รู้ว่าลูกในท้องต้องดูแลและรัก อย่าทำให้ลูกต้องเจ็บและกระทบกระเทือน ต้องประคบประหงมให้ดี ๆ และบรรยายให้ฟังว่าแม่ตั้งท้อง 9 เดือน แม่มีความรู้สึกอย่างไร อดทนและรักลูกมากเพียงไหน กับลูกตั้งท้องยังไม่ถึงวันเลย ทำจึงรู้สึกรำคาญ ทำให้เด็กๆ เข้าใจว่าตอนที่แม่ท้องตนเองนั้นลำบากเพียงใด วันนี้ทุกคนตั้งท้องเพียงแค่วันเดียวยังอึดอัดและลำบาก แต่แม่ต้องอดทนถึง 9 เดือนกว่าจะคลอดเราออกมาได้ ในวันนี้เด็กๆ ทุกคนไม่เพียงแต่ตั้งท้องแต่ยังต้องคอยดูแลลูกของตนให้ดีๆ
ช่วงแรก ได้เรียนเรื่องความซื่อสัตย์ ชาวฉือจี้ใช้การเรียนการสอนจิ้งซืออวี่โดยมีการแสดงละครเรื่อง พระจันทร์มองเธออยู่ ทำให้รู้ถึงคำว่าซื้อสัตย์ได้อย่างลึกซึ้งและจดจำได้ดี พร้อมทั้งสอนเพลงภาษามือ โดยอาสามัครฉือจี้ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ปกครองและเด็ก ๆ มาก ทั้งยังได้คติสอนใจให้เด็ก ๆ มีความสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่า ทำสิ่งใดไม่ดีไม่มีใครเห็นแต่ยังมีพระจันทร์ที่กำลังมองเราอยู่ตลอดเวลา และสร้างจิตสำนึกให้มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรมของสังคม จากนั้นก็มีการแบ่งฐานสอนการดำรงชีวิต ซึ่งก็คือความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนภายในบ้าน รู้จักแบ่งเบาภาระให้พ่อแม่ บ่มเพาะความขยันในตน มีความรับผิดชอบ ความขยันหมั่นเพียร อาสาสมัครฉือจี้สอนตั้งแต่การซักเสื้อผ้า ตากเสื้อผ้า พับเสื้อผ้า การกวาดพื้นถูพื้น เช็ดโต๊ะ พับที่นอนให้เรียบร้อยเมื่อตื่นนอน การเย็บกระดุมและการต้อนรับแขก สอนเด็กๆ ให้รู้วิธีการทำที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือต้องตั้งใจทำ รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือหน้าที่ของตน นอกจากนี้ในเรื่องของการต้อนรับแขก ยังปลูกฝังให้เด็กๆ รู้จักมารยาทและกาลเทศะ ควรจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไรจึงจะทำให้ผู้นั้นรู้สึกว่าเรามีความเต็มใจและยินดีที่ได้ต้อนรับเขา
ต่อจากนั้น คุณจิรัฐติกานต์(คุณต้า) ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตเรื่องการไว้ใจคน แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทของเรา ก็จะต้องรู้จักระมัดระวังตนเองอยู่เสมอ ให้ใช้สติปัญญาในการคบมิตร มิฉะนั้นอาจนำมาแห่งความเสียใจ
ในเวลากลางวันซึ่งเป็นเวลาการรับประทานอาหาร มีบทเรียนในการสอนลูกให้รู้ถึงการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ โดย อาสาสมัครให้ผู้ปกครองปิดตาและให้ลูกป้อนอาหารให้พ่อแม่ด้วยความรัก ให้ถือเสมือนว่าพ่อแม่แก่ชรา และตาบอดไม่สามารถทานอาหารได้ด้วยตนเอง ลูกดูแลป้อนให้พ่อแม่ทานจนอิ่มก่อนแล้วตนเองถึงจะทานได้ อาสาสมัครได้มีการแนะนำว่า “เวลาจะป้อนต้องบอกให้คุณพ่อคุณแม่อ้าปากก่อน” และพูดคุยว่าอาหารมีอะไรบ้าง อาหารอร่อยไหม พอคุณพ่อคุณแม่อิ่มแล้วก็ป้อนน้ำ หลังจากผู้ปกครองอิ่มแล้วก็จะเปิดตาให้ พ่อแม่และลูกได้กอดกันด้วยความรักและขอบคุณซึ่งกันและกัน
ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมที่สำคัญและมีความหมายระหว่างพ่อแม่และลูก คือพ่อแม่และลูกเดินเข้ามาในห้องประชุมและนั่งเก้าอี้ใกล้กัน และต่อจากนั้น อาสาสมัครฉือจี้ให้เด็กเข้าแถวด้านนอกห้องประชุมอย่างเป็นระเบียบเดินเข้าสู่ห้องประชุม ยืนหน้าผู้ปกครองของตนเองแสดงภาษามือเพลงแม่จ๋าต่อหน้าพ่อกับแม่ ทำให้พ่อแม่ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หลังจากนั้นก็มีละครจิ้งซืออวี่เรื่องบิลที่ไม่คิดมูลค่า ซึ่งเกี่ยวกับความกตัญญูสอนเด็กๆ และสะท้อนปัญหาของครอบครัวและสังคมปัจจุบัน โดยผู้แสดงเป็นแม่ คือ นางโชติกา ติ๋วโวหาร อาหมิง แสดงโดย ด.ช.ณภัทร ศรประชุม (น้องโอม) อาเหม่ย แสดงโดย ด.ญ.ธันยพร ติ๋วโวหาร (น้องฟอยล์) การแสดงละครก็เรียกน้ำตามจากพ่อแม่และลูกที่รู้สึกคล้อยตามในบทละคร
กิจกรรมที่สำคัญยิ่งคือการเสิร์ฟน้ำชาให้กับพ่อแม่และการล้างเท้า เด็กๆ เข้าแถวถือถาดเสิร์ฟน้ำชา คุกเข่าต่อหน้าพ่อแม่และเสิร์ฟน้ำชา ลูกถอดถุงเท้าและรองเท้าให้พ่อแม่และล้างเท้า ขณะล้างเท้าให้พ่อแม่ก็ลูกหัวลูก ๆ และพูดกับลูก ๆ ว่าของให้ลูก ๆ เป็นเด็กดี และมีความสุขความเจริญ ที่สำคัญพ่อแม่รักลูกมาก และลูกก็เช่นเดียวกัน ลูกเช็ดเท้าให้แห้งและใส่ถุงเท้า ใส่รองเท้าให้ ซึ่งพ่อแม่ซาบซึ้งกับการปฏิบัติของลูกที่ไม่เคยทำมาก่อน น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาด้วยความประทับใจและซาบซึ้ง และโผเข้ากอดพ่อแม่ของตน บรรยากาศอบอุ่นและน่าซาบซึ้งใจ โลกของฉือจี้คือการรู้จักสำนึกคุณ ขอบพระคุณ และการกตัญญูต่อบุพการีของตนเอง
เมื่อกิจกรรมเสร็จสิ้น ผู้ปกครองและเด็กได้ขึ้นมาแบ่งปันความรู้สึกที่มีต่อการเข้าค่ายคุณธรรมในครั้งนี้ ซึ่งทุกคนบอกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ครอบครัวที่มาจากจังหวัดนครสวรรค์ ได้ตั้งใจที่จะเข้าค่ายนี้โดยสมัครเป็นคนแรกเพราะเป็นสิ่งที่ต้องการให้ลูก ๆ ของตนได้เข้าร่วมกิจกรรมเช่นนี้ และเป็นโอกาสที่ได้พาครอบครัวและลูกของตนมาร่วมบุญ ถึงแม้จะไกลเพียงไหนก็มีความสุขและไม่ผิดหวัง ลูกคนโตมิได้เข้าค่ายด้วยเพราะอายุเกินก็ได้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงซึ่งรู้สึกว่าได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างภาคภูมใจ
และในท้ายที่สุดของกิจกรรม ท่านผอ.รพ.โพธารามได้ให้เกียรติมากล่าวปิดพิธีและอวยพรให้กับทุกคนที่มาร่วมกิจกรรม อาสาสมัคร ผู้ปกครองและครอบครัวร่วมกันจุดดวงประทีปตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อวางดวงประทีปเสร็จเรียบร้อยก็รับของที่ระลึกและการอวยพรจากชาวฉือจี้ทุกท่าน และจากกันด้วยความรักและสัญญาว่าจะพบกันใหม่ในคราวหน้า ซึ่ง มีผู้ปกครองหลายท่านที่สมัครใจลงชื่อเพื่อเข้าร่วมค่ายคุณธรรมที่จะจัดทบทวนครั้งต่อไป ในวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554
ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จัดผู้ปกครองกับลูกด้วยกัน ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลในการปรับปรุงสำหรับงานต่อไป ดังนี้
1. การเตรียมงานน้อย อาสาสมัครไม่ไม่เวลาพูดคุยกัน เนื่องจากเห็นว่าเพิ่งจะเสร็จงานการอบรมอาสาสมัครฉือจี้ตามโครงการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เมื่อวันที่ 22-25 มีนาคม 2554 นี้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะจัดงานค่ายคุณธรรมฉือจี้รุ่นที่ 4 เมื่อวันที่ 23-24 เมษายน 2554 นี้ ควรมีการพูดคุยและวางแผนดูความพร้อมของงาน เพื่อจะได้แนะนำกันต่อไป
2. การเชื่อมต่อของกิจกรรมยังไม่ดีพอ การถ่ายทอดความคิดให้กับผู้มาร่วมงานยังไม่เห็นถึงสำคัญของงานที่จัดเท่าที่ควร
3. จัดการอบรมอย่างไรถึงจะได้เม็ดพันธุ์ที่ดี และได้ผลรวดเร็ว เช่น ปีละ 1 ครั้งน้อยไป น่าจะมีการจัดให้มีความถี่ขึ้น หรือให้โรงเรียนเข้าร่วม
4. ควรฝึกอาสาสมัครโพธารามให้เข้มแข็ง และมากขึ้น เพื่อการจัดกิจกรรมจะได้พร้อมเพรียง เช่น การเสริฟน้ำชาคนน้อยไป รวมถึงเชิญชวนยุวชนที่มีจิตอาสาเพิ่มขึ้น
5. การจัดระบบกิจกรรม ควรให้มีคนที่เป็นหลักในกิจกรรมหนึ่ง ๆ เช่น การจัดละคร เป็นของใคร กิจกรรมใดเป็นของใคร ให้ชัดเจน
6. ในการจัดครั้งต่อไปให้เน้นเกี่ยวกับชีวิตจริงเกี่ยวกับครอบครัว เรื่องเกี่ยวกับเพศศึกษา เรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งกำลังเป็นปัญหาของเยาวชนในสังคม
7. แจ้งให้ผู้เข้าร่วมการอบรมส่งสมุดออมสินกลับมา ใน 3 เดือน
8. กำหนดการอบรมค่ายคุณธรรมฉือจี้รุ่นที่ 5 ในวันที่ 23-24 ตุลาคม 2554 ผู้ปกครองกับเด็ก รวม 36 คู่ โดยเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ซึ่งมีความเห็นว่าน่าจะขอความร่วมมือจากโรงเรียนในจังหวัดราชบุรีให้จัดเด็กที่มีผู้ปกครองที่สมัครใจเข้าร่วม เพราะว่าต้องการให้โรงเรียนได้รู้จักฉือจี้ และอนาคตโรงเรียนที่สนใจอาจจะให้ฉือจี้เข้ามาทำกิจกรรมในโรงเรียนได้ โดยเริ่มจากโรงเรียนใหญ่ ๆ เช่น โรงเรียนโพธาวัฒนาเสนี , โรงเรียนเทศบาลวัดไทรอารีรักษ์ , โรงเรียนหนองโพวิทยา , โรงเรียนเบญจมราชูทิศ, โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ ,โรงเรียนเทศบาล 5 เป็นต้น โรงเรียนละ 6 คู่ ( 3 ชั้นเรียน ชั้นเรียนละ 2 คู่ ) และได้โอกาสเชิญ ผอ.โรงเรียนนั้น เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด โดยอาจจะเชิญผู้ใหญ่ในจังหวัดมาเป็นประธานเปิด
9. เยาวชนที่เข้าร่วม บอกว่าการดูแลเด็กนั้นยากกว่าการดูและค่ายผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กไม่อยู่นิ่ง และซุกซน แต่เป็นการสร้างความอดทนและรู้สึกว่ามีพลังมากขึ้นว่าสามารถทำได้
10. กิจกรรมที่ดีมาก ๆ สำหรับเด็ก ๆ คือ การจัดดอกไม้ การเย็บกระดุม ซึ่งเป็นการทำสมาธิได้ดี
11. หลักสูตรทบทวนจะปรับเปลี่ยนการล้างเท้าพ่อแม่เป็น การตามหาพ่อแม่ เรียกว่า แม่อยู่ไหน
12. การทำซุ้มประตูปัญญามอบให้ เจ้เง้ง คิดทำให้สวย ๆ ดูอบอุ่น และให้พี่แมวช่วบตกแต่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น