วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การอบรมอาสาสมัครฉือจี้ ระดับนักศึกษามหาวิทยาลัย ครั้งแรก ในประเทศไทย

กิจกรรมค่ายอบรมแกนนำนักศึกษาจิตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้
ระหว่าง วันที่ 21 – 23 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2554
(เวลา 08.00 – 16.30 น.)
ณ ห้องกิตติ ลิ่มอภิชาต คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จัดโดย มูลนิธิพุทธฉือจี้ ไต้หวันในประเทศไทย โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และ
งานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
อาสาสมัคร : อาสาสมัครกรุงเทพ จำนวน 6 คน
อาสาสมัครหาดใหญ่ จำนวน 24 คน
อาสาสมัครภูเก็ต จำนวน 2 คน
อาสาสมัคตรัง จำนวน 2 คน
เจ้าหน้าที่มูลนิธิฉือจี้ : เล็ก บอล
บันทึกกิจกรรม : เล็ก
…………………………………………
วันศุกร์ ที่ 20 พฤษภาคม 2554
อาสาสมัครได้เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้รับการต้อนรับจากอาสาสมัครฉือจี้หาดใหญ่ อาสาสมัครฉือจี้ที่ได้มาร่วมกันจัดกิจกรรมค่ายอบรมแกนนำนักศึกษาจิตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้ครั้งนี้ได้แก่ อาสาสมัครกรุงเทพมหานคร อาสาสมัครภูเก็ต อาสาสมัครตรัง และอาสาสมัครหาดใหญ่ จำนวน 34 คน อาสาสมัครได้ร่วมกันประชุมปรึกษาวางแผนงานกิจกรรมค่ายอบรมในครั้งนี้ อาสาสมัครแต่ละท่านต่างได้รับมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบซึ่งทุกท่านรับผิดชอบหน้าที่ตามมความถนัดและความเหมาะสมของแต่ละกิจกรรมตลอดระยะเวลา 3 วันในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จากนั้นอาสาสมัครได้ช่วยกันจัดสถานที่จัดกิจกรรม และจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นอาสาสมัครได้รวมตัวกันเพื่อฝึกซ้อมการแสดงละครห้วงเวลากระปุกออมบุญ เพื่อให้การถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมา การก่อกำเนิดมูลนิธิพุทธฉือจี้เป็นไปด้วยความสมบูรณ์ที่สุด อาสาสมัครทุกท่านต่างตั้งใจฝึกซ้อมละครในครั้งนี้ อาสาสมัครแต่ละท่านมีความตั้งใจและตื่นเต้นกับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
……………………………………………….
หลักการและเหตุผลกิจกรรมค่ายอบรมแกนนำนักศึกษาจิตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้
ปัจจุบันมูลนิธิพุทธฉือจี้ในประเทศไต้หวัน เป็นแหล่งที่คนไทยคณะต่างๆ เดินทางไปแสวงบุญ เพื่อสร้าจิตสำนึกใหม่บนเส้นทางแห่งความดี โดยผ่านการจัดกิจกรรมที่ปลูกฝังคุณธรรมให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมแบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง (active learning) ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ทุกศาสนา ทำให้เยาวชนได้คิด ได้ทำและมีส่วนร่วม โดยวิถีธรรมอยู่ในวิถีชีวิตทุกอิริยาบถในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการช่วยเหลือและลดปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นวิกฤตของประเทศไทยและของโลกปัจจุบัน คณะผู้จัดอบรมได้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและจิตอาสาของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และการสร้างจิตสำนึกใหม่ตามแนวปฏิบัติของมูลนิธิพุทธฉือจี้โดยจิตสำนึกใหม่ (new consciousness) เป็นความรู้สึกนึกคิดที่มีปริมณฑลที่กว้างขวางหมายถึง การเปลี่ยนแปลงระดับขั้นพื้นฐานของจิตใจ จิตวิญญาณ จากจิตเล็กไปสู่จิตใหญ่ จากความคับแคบของตัวเองไปสู่จิตที่เชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชีวิตและธรรมชาติ เข้าถึงความเป็นทั้งหมดหรือเป็นหนึ่งเดียวของธรรมชาติ หลุดพ้นจากความบีบคั้น ความคับแคบเป็นอิสระ มีความสุข เกิดมิตรภาพอันไพศาล รักเพื่อนมนุษย์ รักธรรมชาติทั้งหมด และเข้าใจคน มองคนเป็นองค์รวมที่ประกอบด้วยมิติทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ จิตวิวัฒน์ทำให้การอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติมีได้อย่างสันติ ทำให้มนุษย์เห็นคุณค่าของคนรอบข้าง เห็นความงามของทุกสิ่งรอบตัว ก้าวข้ามความคิดคับแคบที่เคยมองโลกนำไปสู่การแก้วิกฤตต่างๆ ที่โลกเผชิญ โดยอยู่บนพื้นฐานของความรักและความเคารพกันและกันทั้งกับเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติ การสร้างขบวนการเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในนำไปสู่จิตสำนึกใหม่โดยผ่านกิจกรรมการเจริญสติ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการมีจิตวิวัฒน์ที่มีจิตใจดีงาม มีจิตอาสาช่วยเหลือสังคม กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และเกื้อกูลต่อโลก คณะผู้จัดอบรมจึงสนใจอบรมคุณธรรมจริยธรรมและจิตอาสาของมูลนิธิพุทธฉือจี้ให้กับนักศึกษาแกนนำ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักศึกษาได้มีความรู้ และทักษะ การเป็นจิตอาสาตามแนวทางมูลนิธิพุทธฉือจี้ และเป็นแกนนำในด้านจิตอาสาสำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
2. เพื่อให้ได้ฝึกปฏิบัติ และสามารถปฏิบัติงานด้านจิตอาสาในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
………………………………………...





วันเสาร์ ที่ 21 พฤษภาคม 2554
กิจกรรมค่ายอบรมแกนนำนักศึกษาจิตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้ได้รับความสนใจจากนักเรียนนักศึกษาและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทั้งหมด 36 คน ได้แก่
-คณะศิลปศาสตร์ จำนวน 2 คน
-คณะนิติศาตร์ จำนวน 1 คน
-คณะแพทย์แผนไทย จำนวน 3 คน
-คณะเทคนิคการแพทย์ จำนวน 12 คน
-คณะแพทย์ศาสตร์ จำนวน 2 คน
-คณะวิทยาการจัดการ จำนวน 1 คน
-คณะวิทยาศาตร์ จำนวน 1 คน
-เจ้าหน้าที่โครงการบัณฑิตอาสา จำนวน 1 คน
-เจ้าหน้าที่งานสิทธิประโยชน์ผู้ป่วย จำนวน 3 คน
-วิทยาลัยการอาชีพเบตง จ.ยะลา จำนวน 1 คน
-นักศึกษาแลกเปลี่ยนสัญชาติฮ่องกง จำนวน 1 คน
-นักศึกษาแลกเปลี่ยนสัญชาติเกาหลี จำนวน 1 คน
-นักเรียนจากโรงเรียนสังกัดอบต.ท่าข้าม จำนวน 5 คน
-สมาคมจิตอาสา (VSA Thailand) จำนวน 2 คน
ผู้เข้ารับการอบรมเดินทางมาถึงห้องประชุม ต่างทยอยลงทะเบียนเพื่อรับแฟ้มกิจกรรมค่ายอบรม โดยมีอาสาสมัครให้การต้อนรับด้วยความรัก
ก่อนพิธีเปิดค่ายอบรมแกนนำนักศึกษาจิตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้อย่างเป็นทางการ คุณผงโชวอี้ได้แนะนำวัฒนธรรมจริยธรรมฉือจี้ “วิถีชา วิถีชีวิต” โดยมีคุณเฉียชินแสดงภาษามือประกอบการแสดง เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการชงชาแก่ผู้เข้าอบรม เพื่อให้ทุกท่านได้เรียนรู้ชีวิตโดยใช้การชงชาเป็นสื่อการเรียนรู้ เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องมารยาท ความกตัญญู ความดีงาม ได้นำหลักคำสอนต่างๆไปปรับใช้และเผยแพร่ต่อไป
กิจกรรมค่ายอบรมในวันนี้ได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์นายแพทย์สุธรรม ปิ่นเจริญ รองอธิการบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้กล่าวเปิดค่ายอบรมครั้งนี้ นายแพทย์
สุธรรม กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมพิธีเปิดการอบรมในวันนี้ ได้เห็นกลุ่มเยาวชนและนักศึกษาให้ความสำคัญและสนใจการเป็นจิตอาสา เพื่อมาดูแลช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เป็นแกนหลักให้กับเพื่อนๆที่มีจิตอาสาด้วยกัน ไม่เพียงแต่การเติมเต็มปัจจัยภายนอกด้านการดำเนินชีวิต แต่ยังได้เติมเต็มชองว่างทางจิตใจ เริ่มต้นด้วยการสร้างสรรค์จิตใจอันดีงามของตนเอง หลายคนได้นำวาทะธรรมของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอิ๋ยนมาใช้ในการดำเนินชีวิตและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความทุกข์ยาก การรักษาพยาบาล การช่วยเหลือภัยพิบัติต่างแดน ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสภาวะโลกร้อน”
ทญ.ฉลอง เอื้องสุวรรณ ได้กล่าวรายงานค่ายอบรมแกนนำนักศึกษาจิตอาสาว่า “การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เพื่อสร้างจิตสำนึกใหม่บนเส้นทางแห่งความดี ผ่านการจัดกิจกรรมที่ปลูกฝังคุณธรรมให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้เยาวชนได้คิด ได้ทำ และมีส่วนร่วม เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับขั้นพื้นฐานของจิตใจจิตวิญญาณจากจิตเล็กไปสู่จิตใหญ่ จากความคับแคบของตัวเองไปสู่จิตที่เชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชีวิตและธรรมชาติ มองคนเป็นองค์รวมที่ประกอบด้วยมิติทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ”
จากนั้นคุณผงโชวอี้ เป็นตัวแทนอาสาสมัครมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทย ได้ให้ข้อคิดแก่เยาวชนผู้เข้ารับการอบรมว่า “ขอให้เยาวชนทุกคนตั้งใจและเก็บเกี่ยวความรู้ที่ได้จากการอบรมครั้งนี้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองและนำไปเผยแพร่แก่คนรอบข้างต่อไป”
วัฒนธรรมฉือจี้ การแสดงภาษามือเพลงโลกนี้มีความรัก เพื่อเป็นถ่ายทอดการมอบความรักให้แก่คนทั่วโลก สร้างความประทับใจแก่เยาวชนทุกท่าน
เพื่อให้นักศึกษาทุกท่านได้ทำความรู้จัก คุ้นเคย สนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น คุณหมอฉลองได้ให้นักศึกษาร่วมกิจกรรม รู้ใจ รู้จัก ก่อนเริ่มกิจกรรมให้ทุกคนนั่งสมาธิ หายใจเข้า-ออกเพื่อผ่อนคลาย แล้วให้นึกย้อนระลึกถึงอดีตที่ผ่านมาเมื่อสมัยวัยเยาว์ จากนั้นทุกคนจับคู่เพื่อนเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวสมัยวัยเยาว์เพื่อให้เพื่อนรับฟังเรื่องราวของตน เป็นการให้ทุกคนเรียนการเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี
นอกจากนี้นักศึกษาได้ร่วมกันเล่นเกมจับคู่บัดดี้ โดยแต่ละคนจะมีเพื่อนที่คอยดูแล ให้กำลังใจ โดยแต่ละคนจะได้รับข้อความให้กำลังใจใส่ซองจดหมายไว้บนกระดานหัวข้อ “หว่านต้นรักแห่งหัวใจ”เป็นการสร้างมิตรสัมพันธ์ระหว่างกัน
เรื่องราวประวัติความเป็นมาและภารกิจของฉือจี้ คุณบุญประกอบรับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว และเพื่อให้เยาวชนเรื่องราวมากยิ่งขึ้น อาสาสมัครได้แสดงละครเรื่อง ห้วงเวลากระบอกไม้ไผ่ เป็นการบอกเล่าต้นกำเนิดของมูลนิธิฉือจี้อย่างแท้จริง ทำให้ทุกท่านเมื่อได้รับชมละครแล้วเข้าใจเรื่องราวฉือจี้มากขึ้น และยินดีร่วมบริจาคเงินใส่กระปุกออมบุญ เพื่อทำความดีกับชาวฉือจี้ต่อไป
คุณสุชนได้ร่วมแบ่งปันงานมหาปณิธานนสี่ของฉือจี้ และได้เล่าเรื่องราวการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้มีพระคุณ โดยยกตัวอย่างเคสคุณสุภานีซึ่งเป็นเคสที่มูลนิธิให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณสุภานีจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ปัจจุบันมูลนิธิก็ยังให้ความช่วยเหลือดูแลและแม่และลูกๆของคุณสุภานีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ครอบครัวนี้ซาบซึ้งในน้ำใจชาวฉือจี้เป็นอย่างยิ่ง นักศึกษาเมื่อได้รับชม VCR เรื่องราวคุณสุภานีทุกคนรู้สึกเสียใจกับครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก และได้เรียนรู้การใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
การอบรมในภาคเช้านักศึกษาได้เข้าใจเรื่องราวมูลนิธิฉือจี้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนจดจำเรื่องราวได้ดียิ่งขึ้นอาสามัครได้ให้ทุกคนทำกิจกรรมวาดภาพ โดยแบ่งกลุ่มเป็น 5 กลุ่ม และให้ทุกคนช่วยกันวาดภาพสิ่งที่ตัวเองได้รับจากการอบรมในช่วงเช้าทั้งหมด ซึ่งนักศึกษาแต่ละคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันวาดภาพถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างสวยงามแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของทุกคน และแสดงออกถึงความสมานไมตรีของนักศึกษา
กิจกรรมช่วงบ่าย อาสาสมัครได้สอนวัฒนธรรมการแสดงภาษามือ เพลงครอบครัวเดียวกัน เพื่อให้นักศึกษาได้ร่วมฝึกซ้อมเพื่อจะได้แสดงท่าทางได้อย่างสวนงาม เพราะช่วงบ่ายกิจกรรมเยี่ยมผู้ป่วยนักศึกษาจะได้ร่วมกันแสดงภาษามือให้ผู้ป่วยได้ชม
อาสาสมัครได้จำลองเหตุการณ์การไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยแบบชาวฉือจี้ ให้ได้เห็นถึงวิธีการแสดงออกต่อครอบครัวบุญคุณ มารยาท การพูดการจา และการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย
กิจกรรมเยี่ยมหอผู้ป่วย อาสาสมัครได้พานักศึกษาเดินทางมายังอาคารเย็นศิระ บริเวณวัดโคกนาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อพูดคุยให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยซึ่งมาพักอาศัยที่บ้านพักชั่วคราว อาคารเย็นศิระเป็นสถานที่พักสำหรับผู้ป่วยทั่วภาคใต้ซึ่งต้องมารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์แต่เนื่องจากระยะเวลาในการเดินทางต้องใช้เวลานานประกอบกับผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลานาน จึงได้มาพักชั่วคราวที่อาคารเย็นศิระ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มาพักที่อาคารเย็นศิระ เข้ารับการรักษาด้วยโรคมะเร็ง โรคอัมพฤต อัมภาต นักศึกษาได้แบ่งกลุ่มเข้าไปเยี่ยมพูดคุย ให้กำลังใจ มอบของเยี่ยมแก่ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย นอกจากนี้ยังได้เขียนขอความให้กำลังใจและร่วมกันแสดงภาษามือเพื่อสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยมีรอยยิ้มและมีพลังแรงใจต่อสู้กับโรคภัยต่อไป
กิจกรรมตลอดทั้งวันนี้ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเข้าใจมูลนิธิฉือจี้มากยิ่งขึ้น พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตลอดระยะเวลา 3 วันของการอบรมนักศึกษาทุกท่านจะนำฉือจี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของทุกคน
……………………………………….



วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม 2554
วันที่สองของค่ายอบรมการสร้างแกนนำนักศึกษาจิตอาสา กิจกรรมแรกในวันนี้ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างยิ่ง นั้นคือ “พิธีสรงน้ำพระ” อาสาสมัครได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ทำพิธีสรงน้ำพระ เมื่อเยาวชนเดินทางมาพร้อมแล้ว เยาวชนได้ร่วมฝึกซ้อมพิธีสรงน้ำพระพุทธมนต์เพื่อให้พิธีเป็นไปด้วยความสวยงามและเรียบร้อย เยาวชนทุกท่านได้ร่วมพิธีสรงน้ำพระอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการเจริญสติ ชำระล้างกิเลศภายในจิตใจให้ดียิ่งขึ้น ทำให้จิตใจใสสะอาดมากขึ้น
อาจารย์วิมลมาลย์รับหน้าที่บรรยายการเจริญอยู่กับปัจจุบันขณะ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้การมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา โดยให้ทุกคนนั่งสมาธิ ตั้งจิตให้มั่นเพื่อเป็นการฝึกจิตใจของตนเอง จากนั้นเหรียญชินซือเจ๋ได้แบ่งปันเรื่อง การสำนึกผิด โดยใช้บทเพลงประกอบการแสดงภาษามือเป็นการสื่อความหมายเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ความทุกข์ไม่มีวันหมดสิ้น จากอดีตสะสมมา เกิดจากความโลภ โกรธ หลง จึงจำเป็นที่จะต้องสำนึกผิดต่อความอยากที่เกิดจากความรัก หลงในชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ เพื่อให้ทุกคนสำนึกผิดทุกๆวัน ทุกๆเวลา หากรู้สำนึกผิดอยู่เสมอจะทำจิตใจเราดีขึ้น ทำให้เรารู้จักรักผู้อื่นมากขึ้น เป็นการขัดเกลาจิตใจตัวเอง เมื่อนั้นเราจะมีเมตตาธรรมเกิดขึ้น การสำนึกผิดเปรียบได้กับการทำความดีต้องทำตลอดเวลา แล้วสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นภายในจิตใจเรา เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีสมาธิ มีสติมากขึ้น อาสาสมัครได้แสดงภาษามือเพลงชีวิตคือเซน สร้างสมาธิให้เกิดขึ้นกับทุกคน ให้ทุกคนมีสติมากยิ่งขึ้น
ช่วงบ่ายของกิจกรรม อาสาสมัครได้แสดงละครเรื่องบะหมี่ชามเดียว นักศึกษาจะได้ตระหนักถึงคุณค่าของการกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ละครบะหมี่ชามทำให้เราได้เรียนรู้ว่า แม่มีความหมายและเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อลูกมาก และลูกควรมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ รู้ตอบแทนคุณบิดรมารดา
จากนั้นทุกคนได้ร่วมกันแสดงภาษามือเพลงแม่จ๋า เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของแม่และพ่อผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกมาด้วยความรักและอาทร
ละครเทิดพระคุณแม่ ละครกล่องของแม่ เป็นละครเวทีที่มูลนิธิพุทธฉือจี้ได้จัดแสดงไว้เมื่อหลายปีก่อน อาสาสมัครได้นำมาฉายให้เยาวชนได้ชม ณ บ้านหลังน้อยหลังหนึ่ง ในอดีตบรรยากาศภายในบ้านมีแต่ความสุข ความอบอุ่นของแม่และลูกๆอีกสี่ชีวิต แต่วันนี้มีเพียงหญิงชราที่ชื่อพรพรรณ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวคนเล็กเท่านั้น ส่วนลูกสาวคนโตและลูกชายคนกลาง ได้แยกออกไปมีครอบครัวอยู่ต่างหาก นานๆครั้งลูกของเธอจะมาเยี่ยมสักครั้ง ละครกล่องของแม่เป็นละครที่นำมาจากเค้าโครงเรื่องจริง ของผู้ที่ได้ชื่อว่า เกิดมาเพื่อมอบรอยยิ้ม กำลังใจ หรือแม้แต่ชีวิตเพื่อลูก เพื่อให้ทุกท่านได้ใช้หัวใจ ความรู้สึกเรียนรู้ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
กิจกรรมแบ่งปันประสบการณ์สำนึกกตัญญู อาสาสมัครได้ให้ผู้เข้าอบรมเขียนบรรยายความรู้สึก ประสบการณ์ต่างๆ หรือเรื่องราวที่อยากจะบอกแม่ของตนเอง และให้ผู้สมัครใจแบ่งปันเรื่องราวของตนเอง นักศึกษารู้สึกซาบซึ้งกับกิจกรรมนี้เป็นอย่างมาก น้ำตาแห่งการสำนึกผิดของลูกที่ได้ทำให้แม่เสียใจ น้อยใจ หมดกำลังใจจากความเอาแต่ใจ น้อยใจพ่อแม่ ได้ไหลผ่านดวงตาดวงน้อยของลูกๆ คำกล่าวขอโทษได้ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ กิจกรรมสำนึกคุณทำให้พวกเค้าหวลระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ หากไม่มีพ่อและแม่พวกเค้าคงไม่มีวันนี้ นักศึกษาต่างสัญญาว่า “จะกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ จะตั้งใจเรียน และจะเป็นเด็กดีของพ่อแม่”
..........................................................
วันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม 2554
วันสุดท้ายของการอบรมค่ายแกนนำนักศึกษาจิตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้ กิจกรรมเริ่มด้วยภาษามือเพลง ซิ่งฝู อาสาสมัครได้ให้นักศึกษาล้อมวงเป็นวงกลมและร่วมกันแสดงภาษามือ จากนั้นได้ร่วมกันสวดมนต์พระธรรมอมิตตาสูตร เพื่อทำให้จิตใจสงบ มีปณิธานกว้างใหญ่ ทำให้เกิดปัญญาที่ชัดแจ้ง เป็นการทำตั้งสติและสมาธิในวิถีของพุทธฉือจี้ ในทุกอิริยาบท เช่น การเดิน ยืน นั่ง นอนอย่างมีสติ
อาสาสมัครคุณบุญประกอบร่วมแบ่งปันในหัวข้อสภาวะโลกร้อน สอนให้นักศึกษารู้รักษ์โลกใบนี้ ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “1 วัน 5 ความดี ร่วมกันลดโลกร้อน” เพราะโลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติที่ร้ายเรงอย่างต่อเนื่อง ร่วมกันรับประทานอาหารเจ ช่วยกันประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ใช้บริการขนส่งมวลชน และพกพาชุดรับประทานอาหารส่วนตัว เพื่อลดการใช้พลาสติกและโฟม
“มาช่วยกันถนอมโลกใบนี้กันเถอะ” อาสาสมัครได้แสดงละครเรื่องการประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ลดการใช้ถุงพลาสติก แยกขยะรีไซเคิล แนะนำการนำขวดพลาสติกใสมาทำผ้าห่มและเสื้อผ้า นักศึกษาต่างสัมผัสคามนุ่มของเนื้อผ้าจากผลิตภัณฑ์รีไซเคิลของมูลนิธิฉือจี้ ทำให้เข้าใจว่า จริงๆแล้วขวดพลาสติกมีคุณค่ามากมาย นักศึกษาได้เรียนรู้หลักการอนุรัษ์สิ่งแวดล้อมของฉือจี้ และได้ร่วมกันเปิดใจ ร่วมกันเสนอแนวคิดเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดังนี้
โครงการที่ 1 “กระดาษหน้าที่ 3” กระดาษเมื่อเขียนทั้งสองด้านแล้วสมามารถนำมาทำเป็ยกระดาษอักษรเบลได้เพื่อเป็นหนังสือสำหรับผู้พิการทางสายตา
โครงการที่ 2 ช่วยกันปลูกต้นไม้ ร่วมรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้นเพื่อช่วยให้โลกใบนี้มีพิ้นที่สีเขียวมากยิ่งขึ้น
โครงการที่ 3 ปฏิบัติการเปลี่ยนโลก ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ เมื่อทุกคนช่วยกันโลกใบนี้จะสามารถกลับมาเป็นโลกที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
กิจกรรมช่วงรับประทานอาหารกลางวัน อาสาสมัครได้ให้นักศึกษารับประทานอาหารแบบ “ปิดตากินข้าว” เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความลำบาก ความรู้สึกเมื่อมองไม่เห็น และฝึกความอดทนในการทำสิ่งต่างๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง
ช่วงบ่ายเป็นการเรียนรู้การเป็นเยาวชนฉือจี้ โดยคุณผงโชว่อี้ได้ร่วมแบ่งปันการที่จะเป็นเยาวชนฉือจี้จะต้องทำอย่าไร และได้นำเรื่องราวของเยาวชนฉือจี้ของแต่ละประเทศมาแบ่งปันแก่นักศึกษา จากนั้นคุณเฉินมี่ฟงได้ร่วมแบ่งปันกิจกรรมที่เยาวชนฉือจี้ทำในแต่ละประเทศ เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจมากขึ้น
ค่ายอบรมการสร้างแกนนำนักศึกษาจิตตอาสาตามแนวพุทธฉือจี้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายของการอบรม อาสาสมัครและนักศึกษาทุกท่านได้รวมพลังกันแสดงภาษามือเกี่ยวกับการสำนึกผิดเพื่อตั้งใจขอขมากรรมต่อสิ่งต่างๆที่ทุกคนทำไม่ดีไว้และเป็นการตั้งสติแห่งปัญญา
ย้อนระลึกถึงวันวาน เป็นการรับชมประมวลภาพกิจกรรมทั้ง 3 วันเพื่อเป็นการย้อนอดีตภาพแห่งความประทับใจที่นักศึกษาได้ร่วมกันทำกิจกรรม สร้างความประทับใจแก่นักศึกษาทุกคน
จากนั้นทุกคนได้ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อตั้งสติในการดำเนินชีวิตต่อไป อาสาสมัครได้มอบของที่ระลึกการอบรมครั้งนี้แก่นักศึกษาและอาสาสมัครจิตอาสาทุกท่าน
กิจกรรมสุดท้ายในการอบรมครั้งนี้ อาสาสมัครและนักศึกษาทุกท่านได้นำดอกไม้เพื่อสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบิดา (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์)บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย ซึ่งทุกท่านให้ความเคารพนับถือ พระราชดำรัสของพระองค์ท่านที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” ก็ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวใจของปวงชนมิรู้คลาย นักศึกษาและอาสาสมัครทุกท่านต่างกก้มกราบพระบิดาด้วยความรักและจะนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านปฏิบัติตลอดไป
ประโยชน์ที่ได้รับได้จากการค่าบอบรมในครั้งนี้ ทำให้เกิดแกนนำอาสาสมัครนักศึกษาตามแนวพุทธฉือจี้ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (จำนวน 20 คน) นักศึกษาเหล่านี้สามารถเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมด้านจิตอาสา และการทำงานในชุมชนต่อไป

บันทึกกิจกรรม : คุณเล็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น