วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พระผู้มีพระภาคเจ้า กับ พระปูติคัตตติสสเถระ



ภาพของ พระผู้มีพระภาคเจ้า กับ ท่านพระปูติคัตตติสสเถระ
ที่ห้องโถงของโรงพยาบาลฉือจี้ ทุกแห่ง ในไต้หวัน
แสดงถึงจริยาวัตรของ พระพุทธเจ้า ที่มีต่อ พระภิกษุป่วยไข้
ท่านได้สอน เหล่าพระภิกษุสงฆ์ และ พุทธบริษัท ให้มีจิตเมตตาแด่ภิกษุป่วยไข้โดยให้
ลงมือกระทำการปฐมพยาบาล หรือรักษาพยาบาลทันที
ไม่ดูดาย คณะสงฆ์ด้วยกันถ้าไม่ลงมือช่วยกันดูแลแล้ว แล้วใครเล่าจะมาดูแล
และสรรเสริญ พุทธบริษัท ที่มาช่วยงานดูแลภิกษูป่วยไข้เท่ากับได้ดูแลพระพุทธองค์

ภาพนี้ ทำให้ ชาว อาสาสมัครฉือจี้ มีพลังที่จะออกช่วยเหลือผู้ที่เจ็บป่วย ทุกข์ยากทั่วโลก


ท่าน วศิน อินทสระ ได้ประพันธ์ ไว้ดังนี้
เรื่องพระปูติคัตตติสสเถระ:
กายนี้เหมือนท่อนไม้ไร้ประโยชน์

พระพุทธภาษิต
อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวี อธิเสสฺสติ
ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํ ว กลิงฺครํ

คำแปล

ไม่นานเลย กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้เมื่อปราศจากวิญญาณอันเขาทิ้งแล้ว ก็เหมือนท่อนไม้อันไร้ประโยชน์

อธิบายความ

กายนี้ ประกอบด้วยอายุ ไออุ่น และวิญญาณ จึงยังมีการเคลื่อนไหวทำนั่นทำนี่ได้อยู่ แต่เมื่ออายุสิ้น ไออุ่นดับ วิญญาณออกจากร่าง กายนี้ก็ไร้ประโยชน์ ทำอะไรไม่ได้ ส่งกลิ่นเหม็น เป็นที่รังเกียจ เพราะไม่มีสาระอะไร สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

"อายุ อุสฺมา จ วิญฺญาณํ ยทา กายํ ชหนฺติมํ อปวิฏฺโฐ ตทา เสติ เอตฺถ ลาโร น วิชฺชติ

เมื่อใด อายุ ไออุ่น และวิญญาณและทิ้งกายนี้เสีย เมื่อนั้น กายนี้ก็ถูกทอดทิ้งนอนอยู่ สาระในกายนี้ไม่มีเลย"

ท่อนไม้ด้วยซ้ำไปยังมีสาระในการหุงต้ม หรือทำทัพพสัมภาระอย่างอื่น แต่กายนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้ มีแต่เป็นเหยื่อของหมู่หนอนและแร้งกา เมื่อตายแล้ว คนที่เคยรักก็ไม่ปรารถนาจับต้อง วิญญาณ หรือจิตจึงเป็นแกนสำคัญให้ร่างกายนี้พอมีค่าอยู่ปราศจากวิญญาณเสียแล้ว กายก็กลายเป็นของไร้ค่าทันที

พระศาสดาตรัสเทศนาเรื่องนี้ที่เมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระปูติคัตตติสสเถระ (ผู้มีร่างเปื่อย) มีเรื่องย่อดังนี้ ;
เรื่องพระปูติคัตตติสสเถระ

ท่านเป็นชาวเมืองสาวัตถี ฟังธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้วมีความเลื่อมใส ขอบรรพชาอุปสมบท ตั้งใจบวชตลอดชีวิต

ต่อมาโรคชนิดหนึ่งเกิดขึ้นแก่ท่าน เป็นต่อมเล็กๆ เกิดขึ้นตามผิวหนังก่อน แล้วโตขึ้นเรื่อยๆ เท่าเมล็ดถั่วเขียว เมล็ดถั่วดำ เมล็ดกระเบา เท่าผลมะขามป้อม และเท่าผลมะตูมตามลำดับแล้วแตก น้ำเหลืองไหลทั่วกาย ร่างของท่านปรุพรุนไปด้วยรอยแผลจึงได้นามว่า "ปูติตัตตติสสะ" แปลว่า "พระติสสะผู้มีกายเน่า" ต่อมากระดูกของท่านแตกเจ็บปวดแสนสาหัส ผ้านุ่งผ้าห่มของท่านเปื้อนด้วยเลือดและหนอง พวกลัทธิวิหาริก อันเตวาสิกของท่านรังเกียจพากันทอดทิ้งท่านหมดสิ้น ท่านหมดที่พึ่ง นอนอยู่คนเดียว

เช้าวันหนึ่งพระศาสดา ทรงตรวจดูอุปนิสัยของเวไนยสัตว์ พระปูติคัตต์เข้าไปในข่ายพระญาณ ทรงทราบว่า ปูติคัตต์มีอุปนิสัยแห่งอรหัตผล และไม่มีใครเป็นที่พึ่ง นอกจากพระองค์เพียงผู้เดียว จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี ประหนึ่งเสด็จจาริกไปในวิหาร เสด็จไปที่กุฎีของพระปูติคัตต์ ทรงถามทราบความทั้งหมดแล้ว เสด็จไปสู่โรงไฟ ทรงติดไฟล้างหม้อ ใส่น้ำแล้วยกขึ้นสู่เตาไฟ ประทับยืนในโรงไฟเพื่อรอน้ำให้เดือด ทรงทราบว่าน้ำเดือดแล้ว เสด็จไปจับปลายเตียงข้างหนึ่งที่พระปูติคัตต์นอน มีพระประสงค์จะยกเตียงด้วยพระองค์เอง

ขณะนั้นภิกษุหลายรูป เห็นดังนั้น จึงขออาสาทำเสียเอง ช่วยกันยกเตียงของพระปูติคัตต์ไปยังโรงไฟ

พระศาสดาทรงให้นำรางมา ทรงเทน้ำร้อนใส่ แล้วสั่งให้ภิกษุเหล่านั้นเปลื้องผ้าห่มของภิกษุป่วยออก ขยำด้วยน้ำร้อน แล้วให้ผึ่งแดดไว้

พระศาสดาประทับยืนอยู่ที่ใกล้เธอ ทรงรดน้ำอุ่นให้เอง ทรงถูสรีระของภิกษุป่วย ให้อาบน้ำอุ่น เมื่อผ้าห่มแห้ง ทรงให้เอาผ้าห่มนั้นนุ่ง ดึงเอาผ้านุ่งออกมาให้ขยำน้ำร้อนแล้วผึ่งแดดไว้ เมื่อตัวของเธอแห้ง ผ้านุ่งก็แห้ง พระศาสดาให้เธอนุ่งผืนหนึ่งและห่มผืนหนึ่ง

พระปูติคัตต์ได้รับปฏิบัติเช่นนั้นสรีระก็กระปรี้กระเปร่าขึ้น จิตหยั่งลงสู่เอกัคคตารมณ์ (มีอารมณ์เดียว ไม่วอกแวก)

พระศาสดา ทรงทราบว่าจิตของพระปูติคัตต์ พร้อมที่จะรับพระธรรมเทศนาแล้ว จึงตรัสพระคาถาว่า

"อจิรํ วตยํ กาโย" เป็นอาทิ มีนัยและคำอธิบายดังได้พรรณนามาแล้วแต่ต้น

เมื่อจบเทศนา พระปูติคัตต์ได้บรรลุอรหัตผล แล้วปรินิพพาน คนเหล่าอื่นก็ได้สำเร็จอริยผลมีโสดาปัตติผล เป็นต้น

พระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดให้ทำฌาปนกิจศพแล้ว ทรงเก็บอัฏฐิธาตุแล้วโปรดให้ทำเจดีย์ไว้

ภิกษุทั้งหลายสงสัยทูลถามพระศาสดาว่า "ภิกษุผู้มีอุปนิสัยแห่งพระอรหัตเช่นนี้ เหตุไรจึงมีร่างกายเปื่อยเน่า และกระดูกแตก?"

พระศาสดาตรัสตอบว่า เป็นผลอันเกิดแต่อดีตกรรม ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป พระติสสะเป็นพรานนก ฆ่านกบำรุงอิสรชน คือรับจ้างฆ่านกให้คนใหญ่คนโต นกที่เหลือก็เอาขาย นกที่เหลือจากขายก็หักปีกหักขาเก็บไว้ เพราะคิดว่า ถ้าฆ่าแล้วเก็บไว้มันจะเน่าเสียหมด ตนต้องการบริโภคเท่าใดก็ปิ้งไว้ นกที่เขาหักปีกหักขาไว้นั้นขายในวันรุ่งขึ้น

วันหนึ่ง เมื่อโภชนะอันมีรสดีของเขาสุกแล้ว เขากำลังเตรียมบริโภค พระขีณาสพองค์หนึ่งมาบิณฑบาตหน้าบ้าน เขาเห็นพระแล้วคิดว่า

"เราได้ฆ่าสัตว์มีชีวิตเสียมากมายแล้ว บัดนี้ พระมายืนอยู่หน้าเรือน โภชนะอันดีของเราก็มีอยู่ เราควรถวายอาหารแก่ท่าน"

เขาคิดดังนั้นแล้ว ได้รับบาตรพระใส่โภชนะอันมีรสเลิศจนเต็มบาตรแล้วถวายบิณฑบาตนั้น ไหว้พระด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้วว่า

"ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ด้วยกุศลผลบุญนี้ ขอข้าพเจ้าพึงบรรลุธรรมที่ท่านบรรลุแล้วด้วยเถิด" พระเถระอนุโมทนาว่า "จงเป็นอย่างนั้นเถิด"

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย" พระศาสดาตรัสในที่สุด "ผลทั้งหมดได้เกิดแก่ติสสะเพราะกรรมของเขาเอง เพราะทุบกระดูกนก จึงยังผลให้มีร่างกายเปื่อยเน่า กระดูกแตก อาหารบิณฑบาตที่ถวายแก่พระขีณาสพและอธิษฐานเพื่อธรรมยังผลให้เธอบรรลุธรรม คือพระอรหัตผล ภิกษุทั้งหลายกรรมที่บุคคลทำแล้วย่อมไม่ไร้ผล"


ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่ม๑ ภาค๒ ตอน๑ หน้าที่ ๔๓๕

วศิน อินทสระ
กายนี้เหมือนท่อนไม้ไร้ประโยชน์
จากผู้จัดการออนไลน์ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๖

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เจ้าชายวิลเลี่ยม"ทรงบรรทมข้างถนนที่อุณหภูมิติดลบ4องศา


เจ้าชายวิลเลี่ยม"ทรงบรรทมข้างถนนที่อุณหภูมิติดลบ4องศา

เจ้าชายวิลเลี่ยม

เจ้า ชายวิลเลี่ยม ได้ทรงบรรทมข้างถนนในค่ำคืนที่อุณหภูมิติดลบถึง4องศา เมื่อ15ธ.ค.เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความทุกข์ยากของวัยรุ่นที่ไร้ที่อยู่

สำนักพระราชวังอังกฤษเปิดเผยเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า เจ้าชายวิลเลี่ยม พระ โอรสพระองค์ใหญ่ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ องค์มกุฏราชกุมารอังกฤษ และเป็นองค์รัชทายาทอันดับ 2 ของประเทศ ได้ทรงบรรทมข้างถนน ในค่ำคืนที่อุณหุภูมิติดลบถึง 4 องศาเซลเซียส ใต้สะพานแบล็คเฟรียร์ ในกรุงลอนดอนเมื่อ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความทุกข์ยากของวัยรุ่นผู้ไร้ที่อยู่อาศัย

ผู้ที่ติดตามคอยดูแลเจ้าชายวิลเลี่ยมขณะที่ออกมาบรรทมนอกพระราชวังก็คือ เซยี โอบากิน ผู้บริหารกลุ่มเซ็นเตอร์พ้อยต์ ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ดูแลเรื่องปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัยในอังกฤษ เนื่องจากเจ้าชายวิลเลี่ยมทรงเป็นองค์อุปถัมภ์มูลนิธิแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2548 สานต่องานของพระมารดาคือเจ้าหญิงไดอาน่าผู้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของเซ็น เตอร์พอยต์ ตอนที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในกรุงปารีสเมื่อปี 2540

ภาพที่เผยแพร่ในเว๊ปไซต์ของเซ็นเตอร์ พอยต์ แสดงให้เห็นเจ้าชายวิลเลี่ยมในกางเกงยีน กับรองเท้ากีฬา เสื้อคลุมแบบมีฮู้ดและหมวกไหมพรม ประทับยืนอยู่ถัดจากโอบากิน โดยมีถุงนอนอยู่ตรงปลายพระบาท โอบากินกล่าวว่าเจ้าชายบรรทมในถุงนอนโดยมีแผ่นลังกระดาษรองอยู่ข้างใต้ ส่วนอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้วยเป็นเลขานุการส่วนพระองค์ชื่อ เจมี่ โลวเทอร์ พินเคอร์ตัน ผู้เคยเป็นทหารมาก่อน

โอบาคินเขียนในเว๊ปไซต์ว่า ได้พยายามเตรียมตัวอย่างระมัดระวังสุดที่จะทำได้ โดยหาที่เงียบสงบในตรอก มีถังขยะแบบมีล้อจำนวนหนึ่งบังอยู่ แต่ก็ไม่อาจป้องกันจากอากาศที่หนาวทารุณ พื้นคอนกรีตแข็งๆ หรือความกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับพวกนักค้ายา แมงดาหรือพวกก่อกวน และว่านาทีที่น่ากลัวที่สุด คือตอนที่พวกเขาสามคนเกือบถูกทับโดยรถกวาดถนนที่ไม่ทันเห็น และว่าเขาไม่เคยดีใจครั้งไหนมากเท่านี้เมื่อคืนขึ้นมาพบเช้าวันใหม่ ขณะที่โฆษกพระตำหนักเซ็นต์ เจมส์บอกว่า ทั้งสามคนได้นอนน้อยมาก

เจ้าชายวิลเลี่ยมตรัสเมื่อวันอังคารว่า หลังจากเสด็จออกไปบรรทมข้างถนนแค่คืนเดียว พระองค์ก็ทรงจินตนาการไม่ออกเลยว่า เป็นอย่างไรที่จะต้องนอนข้างถนนในกรุงลอนดอนคืนแล้วคืนเล่า พระองค์ตรัสว่าความยากจน อาการป่วยทางจิต การติดยาและติดเหล้า รวมทั้งปัญหาบ้านแตกทำให้ผู้คนต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ทรงหวังว่า การออกไปใช้ชีวิตแบบนั้น จะทำให้ทรงเข้าพระทัยปัญหาลึกซึ้งมากขึ้น และสามารถช่วยคนที่เปราะบางเหล่านี้ได้มากขึ้น

ข่าวจาก โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 23-12-2009

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไปเยี่ยมลุงหมิก หนองโพ เมื่อ 19 ธันวาคม 2552












ในบ่ายวันที่ 19 ธันวาคม 2552
คณะอาสาสมัคร ฉือจี้ โพธาราม ได้ไปเยี่ยม
ลุงหมิก ครอบครัวบุญคุณที่ ต.หนองโพ อ.โพธาราม
อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อไปถึงก็ได้พบกับลุกหมิกนั่งอยู่ที่ศาลาประจำหมู่บ้านเช่นเคย
พวกเราได้ไปทักทาย
ลุงหมิกท่าทางดีใจมาก
ดูอ้วนท้วนมากขึ้นมาก เสียดายเราไม่ได้เอาเครื่องชั่งน้ำหนักไปด้วย
จะได้ทราบว่าสุขภาพของลุงหมิกอ้วนขึ้น ผอมลงหรือไม่

ครั้งแรกที่เรามาเยี่ยมเมื่อราวเดือน กพ.๒๕๕๒ ลุกหมิกดูหิวอ้างว้าง
ไม่ค่อยอยากคุยกับพวกเรานัก พวกเราก็ไม่รู้จะให้ "ความรัก"อย่างไร
จำได้ว่า คุณสุชนมานั่งคุย ป้อนนมกล่องให้ 2 กล่องลุงหมิดดูดรวด
เดียวหมดเกลี้ยงทั้ง 2 กล่อง
(คุณสุชนว่า คงกำลังหิวอยู่)

ประเด็นเรื่องที่พัก ที่อยู่ของลุงหมิก คณะกรรมการมูลนิธิได้มีมติให้แล้ว
จะออกเงินค่าเช่าบ้านให้เดือนละ 1,000 บาท

แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สามารถหาบ้านเช่าได้
เมื่อสองเดือนก่อนข้าพเจ้า ออกตะเวณหาคนที่รู้จัก ที่รู้ว่ามีบ้านเช่าว่าง
ไปหาเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านบอกว่าถ้าผมจะมาเช่าเปิดคลินิกก็จะให้เช่า
แต่ถ้าจะเช่าให้ลุกหมิกอยู่ ก็ไม่ให้เช่า

บางคน พอเราไปถาม เขาบอกว่า ให้ไปปล่อยวัด
พวกหมาแมวไม่มีที่อยู่ก็ยังไปปล่อยวัดเลย
เลยเรื่องบ้านของลุกหมิกจึงเป็นปัญหาที่ยังไม่รู้จะทำอย่างไร

อาสาสมัครคนหนึ่งท่านใจดีมาก ยินดีรับไปอยู่ที่บ้านท่าน แต่บ้านท่านอยู่ไกล
อีกอำเภอหนึ่งลุกหมิกไม่ยินดีไป ดูแกก็มีความสุขกับสิ่งแวดล้อมที่แกอยู่ทุกวันนี้
อีกอย่างก็เกรงใจอาสาสมัครท่านนี้ว่าจะเป็นภาระมากไปหรือไม่

ปัญหาเรื่องสายตา จากโรคต้อหิน ตาเสียไปแล้ว 1 ข้างเนื่องจากไม่ได้มารักษาต่อเนื่องและเพียงพอ
ว่ายังมาตรวจตามนัดอยู่ ยาไม่ได้หยอดแล้ว
มียาเม็ดวิตามินหลายห่อ ทิ้งไว้ในห้องน้ำ หยิบมาดู ก็หมดอายุแล้ว ได้ทิ้งไป

บริเวณที่อ่านหนังสือพิมพ์หมู่บ้านที่ลุงหมิกอยู่ ก็ดูสกปรกเลอะเทอะมาก
พวกเราช่วยกันเก็บขยะ กวาดพื้น ล้างห้องน้ำ ซักเสื้อผ้า ของลุงหมิก
ตาก

ปัญหาในการทำงานคือ
ไม่มีที่ตากเสื้อผ้า อาจต้องเตรียมเชือกมาขึงทำราวแขวน
ที่นอนลุงหมิก เป็นที่โล่ง กลางคือคงหนาว ลุงเอาป้ายโฆษณาไวนิว มาขึงกันลงตรงที่แกนอน
กันลมอาจได้บ้าง กันฝนคงไม่ได้
อาจเอาผ้าไวนิว ที่ไม่มีคนใช้มาให้ขึงเพิ่ม ไม่รู้ว่าทาง อบต จะว่าหรือไม่
ถุงดำเก็บขยะไม่มี ไม่ได้เอามา
อส.ท่านหนึ่งเสนอให้เอาเตาหุงข้าวมาให้ ที่แกใช้อยู่กำลังจะพังแล้ว
แกไม่มีรองเท้าใส่ ถ้าเอามาจะใส่หรือไม่ น่าลองดู

ก่อนกลับพวกเราไม่ผลัดกันมอบของขวัญปีใหม่จากมูลนิธิฉือจี้ ประเทศไทยให้ได้แก่
ขนม ข้าวสาร เสื้อยืด ผ้าห่ม เงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
กล่าวให้อวยพร ร้องเพลงครอบครัวเดียวกัน
เมื่อพวกเราขึ้นรถ ปรากฏว่าลุงเดินออกมาส่งโบกมือให้
ยิ้มแย้ม ส่งด้วยความดีใจ ร่าเริง น้องหญิงจับภาพไว้ไม่ทัน

พวกเราเหนื่อย ร้อน แต่ก็สุขใจมาก

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาสาสมัครมูลนิธิฉือจี้สวดมนต์ในงานศพ นายสมชัย เอี่ยมศรีสุวรรณ


















คุณ เมตตา แซ่ชิว คุณสุชน แซ่เฮง คุณวัชราภรณ์ ทิพย์ธวัชวงศา ได้นำ อส.ที่โพธาราม ไปร่วมงานศพ นายสมชัย เอี่ยมศรีสุวรรณ
ที่วัดโพธาราม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 ณ วัดโพธาราม
ได้มีการสวดมนต์ ในนามของ อส.มูลนิธิ พุทธฉือจี้ ทั่วโลก เพื่อขอให้ดวงวิญญาณ ของ คุณสมชัย ได้ ไปสู่สุขคติ ไปเกิดที่แดนสุขาวดี
คณะ อส.ได้ยืนสวดนาน 20 นาที

รักษ์โลกของเรา ทุกย่างก้าวก็กลัวแม่พระธรณีจะเจ็บ

รักษ์โลก

心生活 新食器 Project Neo-Cutlery
緣起:如果哪天,環繞我們的群山不再是青蔥翠綠的山巒而是一座座的垃圾山;如果哪天,海面上不再是波光粼粼而是漂浮著許多垃圾及塑料袋;如果哪天,遍地白茫茫的一片不再是白雪皚皚而是堆積如山的保麗龍免洗餐具,這會是怎麼樣的世界?我們但願這一天永遠不會到來,但是人類的貪婪及自私讓這個如果的哪一天離我們越來越近。可悲的情景常常可以看見人們都在冷氣房裡談溫室效應,常常忘了保護地球應從生活中做起。
อยู่อย่างถูกสุขลักษณะ ใช้ภาชนะรูปแบบใหม่
จุดเริ่มต้น : หากวันใดขุนเขาป่าไม้ที่ล้อมรอบตัวเรามิได้เขียวชอุ่ม ร่มรื่นอีกต่อไปแต่แทนที่ด้วยภูเขาขยะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว หากวันใดท้องทะเลสีครามถูกปกคลุมด้วยขยะพลาสติกที่ล่องลอยอยู่เต็มไปหมด หากวันใดพื้นพิภพมีแต่สีขาวโพลนของกล่องโฟม แทนที่หิมะอันขาวสะอาด ท่านคงไม่อยากคิดว่าโลกใบนี้จะเลวร้ายสักเพียงใด พวกเราคงไม่ปรารถนาให้วัน ๆ นั้นมาถึงเลย แต่ด้วยความโลภ ความเห็นแก่ตัว ต้องการสุขสบาย ทำให้วัน ๆ นั้นได้ใกล้เข้ามาทุกขณะอย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้สลดหดหู่ขึ้นเมื่อจัดประชุมสัมนาเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อนในห้องปรับอากาศ โดยลืมที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน

一次以「環保行動 GO GO GO」為主題的家聚,激發出無限創意!
年輕的大學生利用創意想象力推動「心生活新食器」推廣隨身攜帶環保餐具!拒絕使用免洗餐具,堅持使用自己的環保餐具,從自身做起,進而影響周遭的人、推動到餐飲業者最後帶動整個社區。
環保需要落實,從減量開始,一點也不困難!
ในปฏิบัติการ “รักษาสิ่งแวดล้อม GO GO GO” ได้กระตุ้นให้มีการเปลี่ยนแปลงในนักศึกษามหาวิทยาลัยโดยให้มีการใช้ภาชนะส่วนตัวขณะรับประทานและดื่มน้ำ เลิกใช้ภาชนะชนิดใช้แล้วทิ้ง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนรอบข้างให้อยากที่จะทำตาม ผลักดันให้ผู้ประกอบการร้านอาหารหันมาช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย เริ่มจากไม่กี่คนทำกันอย่างจริงจัง ขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่ลำบากแต่อย่างใด

慈濟大學慈青社,一直堅信當一群年輕人聚集在一起就會擁有改變世界的力量。夥伴們就開始構思和執行各個環保行動。例如:少搭電梯、熄燈小天使、多用手帕、少用衛生紙等。
ชมรม “เยาวชนฉือจี้” (ฉือชิง) ของมหาวิทยาลัยฉือจี้ มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อเยาวชนรวมตัวกันก็จะมีพลังเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ จึงเกิดการผลักดันให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน ใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนกระดาษทิชชู่ เพื่อให้การรักษาสิ่งแวดล้อมประสบผลสำเร็จ


簡介:用心生活,從現在開始使用新的食器!名為心生活,新食器 (Project Neo Cutlery) 這個活動的推行主要是希望能培養出一種既衛生又環保的現代化生活方式,並能夠成為主流、帶動潮流。結合花蓮縣市的店家 (主要是飲料和食品店) 組成聯盟,店家將自願提供一些優惠 (加量、打折或是贈品等) 來當作鼓勵消費者拒用免洗餐具。目前已與花蓮縣環境保會局協力合作,有超過200家的店家、小販加入聯盟,只要看到店家貼有環保標章,民眾自備環保餐具就能享用優惠。
ข้อแนะนำ : อยู่อย่างถูกสุขลักษณะ โดยเริ่มใช้ภาชนะรูปแบบใหม่เสียแต่วันนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นปฏิบัติตามอย่างแพร่หลาย รวบรวมผู้ประกอบการร้านอาหารในเมืองฮวาเหลียนให้ลด แลก แจก แถม แก่ผู้ใช้ภาชนะส่วนตัว ไม่ใช้ภาชนะที่ใช้แล้วทิ้ง ในขณะนี้มีผู้ร่วมโครงการแล้วกว่า 200 ร้าน โดยมีสัญลักษณ์รักษาสิ่งแวดล้อมติดอยู่หน้าร้านก็สามารถรับบริการได้

宗旨:有鑒於民眾過度使用免洗餐具,加重環境的汙染、浪費地球資源,因此希望能夠藉由此運動,提高全民環保意識,達到垃圾減量的最終目的。
จุดประสงค์ : เพื่อลดการใช้ภาชนะครั้งเดียวทิ้งมิให้ทำลายสิ่งแวดล้อมมากไปกว่านี้ ประหยัดทรัพยากร
ธรรมชาติ ผลักดันโครงการนี้เพื่อลดขยะบนโลกใบนี้ให้สำเร็จ

Facts:
1. 聯合國的數據顯示,十年來,地球上130萬平方公里的樹木面積消失(砍樹,隨水漂+砍樹,變荒地)十年的破壞,全球每年要植樹140億棵,連續十年,才能彌補損失,也就是說,全世界每個人,每年至少要種2棵樹。
ตามสถิติของสหประชาชาติใน10 ปีที่ผ่านมาป่าไม้จำนวนหนึ่งล้านสามแสนตารางกิโลเมตรได้ถูกทำลายไป
หากต้องการปลูกทดแทนขึ้นใหม่จะต้องใช้เวลา 10 ปีปลูกต้นไม้หนึ่งหมื่นสี่พันล้านต้น ก็คือ ทุก ๆ คนจะต้องปลูกต้นไม้ปีละ 2 ต้น

2. 人類活動造成全球暖化北極暖化的速度是其他地區的兩倍過去十年平均每年縮減十萬平方公里科學家預測北極冰層最快會在二○四○年消失
การกินอยู่ของคนทั่วโลกทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือได้ลดลงรุนแรงเป็นเท่าตัว 10 ปีที่ผ่านมาได้ลดลง หนึ่งแสนตารางกิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าชั้นน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือจะหมดไปในปี 2040

3. 今年三月世界平均地表溫度達攝氏6.8度比20世紀同時期高出1.8度創下129年的最高值
ในเดือนมีนาคมปีนี้อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกคือ 6.8 องศาเซลเซียส ซึ่งเทียบกับเมื่อศตวรรษที่ 20 ในช่วงเวลาเดียวกัน อุณหภูมิได้เพิ่มขึ้น 1.8 องศาซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่สูงที่สุดในรอบ 129 ปี

4. 天天開車上班,一千600cc的自用車,一個月平均排放二十多公斤二氧化碳。由此推算,現在學校已經有二十多位老師騎單車上下班,減少的二氧化碳量,可達四百多公斤。

การขับรถส่วนตัวขนาด 1,600 cc ไปทำงานทุกวันจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 20 กก. ทุกเดือน เมื่อคิดคำนวณดูแล้วอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยนี้ 20 ท่าน ขี่รถจักรยานมาทำงานก็จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 400 กก. ต่อเดือน

5. 發票的紙張用量驚人,(進CG)根據財政部的統計就發現,光是去年一年,全台灣發票的發行量就高達112.24億張,要耗費的紙張相當於砍掉十一萬棵樹木,等於繞地球四十圈(CG下)。
กระดาษที่ใช้ในการออกใบเสร็จรับเงิน สำรวจพบว่ามีปริมาณมหาศาล ตามสถิติของกระทรวงการคลังไต้หวันพบว่าเมื่อปีที่แล้วใบเสร็จรับเงินที่ได้เขียนออกไปมีจำนวน หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยยี่สิบสี่ล้านใบ ซึ่งเท่ากับการตัดต้นไม้ไป หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นต้น เพื่อทำกระดาษนี้หรือความยาวของกระดาษเหล่านี้สามารถพันรอบโลกได้ 40 รอบ

6. 信用卡帳單,一年估計要使用二十三點六億張A4紙,這相當於要砍掉二十五萬棵樹。其實像是電話費帳單,算算全台灣家用電話、手機電話,要消耗的紙量也很驚人
กระดาษที่ใช้แจ้งยอดเงินบัตรเครดิตที่ส่งให้สมาชิกผู้ถือบัตรทุกเดือน ในแต่ละปีจะต้องใช้กระดาษ A4 สองพันสามร้อยหกสิบล้านใบ ซึ่งเท่ากับการตัดต้นไม้ สองแสนห้าหมื่นต้นเพื่อทำกระดาษนี้ นอกจากนี้
ยังมีกระดาษแจ้งค่าโทรศัพท์ ค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น รวม ๆ แล้วทั่วทั้งไต้หวันต้องสิ้นเปลืองกระดาษไปเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน

7. 單核心CPU的電腦加上CRT螢幕,每年耗能1千多 千瓦小時,但隨著更換成液晶螢幕,以及換成雙核心CPU電腦
จอภาพ CRT และเครื่อง CPU จะใช้ไฟปีละพันกว่ากิโลวัตต์/ชั่วโมง หากเปลี่ยนมาใช้จอภาพ LCD จะประหยัดได้อีกมาก

8. 嘗試過節能的生活,(CG上)只要十五分鐘可以到的地方,大家以步行、騎單車代步,或是多共乘、多利用大眾運輸工具;養成良好的生活習慣,勿待機、拔插頭,隨手關燈、省水、愛惜紙張,都是節能的好方法
เรามาลองเริ่มต้นประหยัดพลังงานกัน ภายในระยะทาง 15 นาทีก็เดินถึงให้เดิน ขี่จักรยานในระยะทางที่ไกลกว่านั้น หรือขึ้นรถประจำทาง ฝึกหัดให้เป็นนิสัย อย่าเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ ดึงปลั๊กไฟออก ปิดไฟเมื่อเลิกใช้ ใช้น้ำอย่างประหยัด ใช้กระดาษเมื่อจำเป็น เหล่านี้ก็สามารถประหยัดพลังงานได้ดีและเห็นผลในทันที

9. 葷食者一年,製造的二氧化碳1500公斤,素食者一年430公斤,差距1070公斤,相當82棵樹一年,吸收二氧化碳的量,也相當七棵樹,一個月吸收的二氧化碳排放量。很多人喜歡種樹減碳,其實,吃素一年,就相當種了82棵樹,可以減緩全球暖化。

เรารับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์จะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1,500 กิโลกรัมต่อปี แต่ถ้ารับประทานอาหารมังสวิรัติจะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 430 กิโลกรัมต่อปี ต่างกัน 1,070 กิโลกรัม ซึ่งเท่ากับปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 82 ต้นใน 1 ปี เราคิดเสมอว่าต้องปลูกต้นไม้ให้มากเพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แต่หากเรารับประทานมังสวิรัติ ก็เท่ากับเราปลูกต้นไม้เพิ่ม 82 ต้นใน 1 ปี เช่นเดียวกัน

10. 透過美國能源局的統計分析,您知道在電腦螢幕上呈現 黑色畫面須耗能59瓦,但白色畫面卻需74瓦,白比黑足足多浪費了20%的電量。依每天Google兩億使用量換算,如果能將搜尋首頁改成黑色,乘以大約每頁十秒的閱讀時間,黑色Google首頁一天就將為全球省下8.3兆度的電力消耗用量!!這相當於台灣全年發電量的三十幾倍!(參考數據來源:台灣達力公司文教基金會低碳生活部落格)
จากการวิจัยของกองการพลังงานแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์หากเป็นสีดำจะเปลืองไฟ 59 วัตต์ แต่ถ้าเป็นสีขาวสว่างจะเปลืองไฟ 74 วัตต์ ขาวและดำเปลืองไฟต่างกัน 20% คำนวณจากการใช้งานของ Google สองร้อยล้านครั้งต่อวัน หากเปลี่ยนภาพเว็บเพจหน้าแรกให้เป็นสีดำเสียส่วนใหญ่แล้วคำนวณการเปิดดูแต่ละครั้ง 10 วินาที เฉพาะเว็บเพจ Google หน้าแรกก็จะประหยัดไฟให้ทั้งโลกได้ 8.3 หมื่นล้านล้านหน่วยซึ่งเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตบนเกาะไต้หวันในแต่ละปี 30 เท่า

以下分享慈濟介面的Google減碳搜尋,讓需要用到搜尋 的您,也可以在工作忙碌之餘幫忙減少消耗地球用電:http://tihaa.tzuchi.net/google.htm


Email: neocutlery@gmail.com
Neo cutlery blog: http://neocutlery.blogpot.com
Official Website: http://web.hlepb.gov.tw/neocutlery/

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โรงพยาบาลโพธารามเป็นเจ้าภาพงานศพ นายสมชัย เอี่ยมศรีสุวรรณ




วันที่ 7 ธันวาคม 2552
รพ.โพธาราม ร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพ คูณพ่อ สมชัย เอี่ยมศรีสุวรรณ
ณ ศาลา ธรรมสังเวช วัดโพธาราม

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คุณเมตตา แซ่ชิว







คุณเมตตา แซ่ชิว เป็นอาสาสมัคร ฉือจี้ ชาวไต้หวัน

邱 CHIU 淑芬 HSUFENG
ชื่อไทย เมตตา แซ่ชิว
ท่านมีชื่อฉายาว่า
慈念
ฉือเนี่ยน
ส่วนฉือเนี่ยน เป็นฉายาที่ท่านธรรมาจารย์ตั้งให้
ฉือ แปลว่าเมตตา
เนี่ยนแปลว่าจิต


ท่านเป็นผู้ที่มีบทบาทสูงมากที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย
เพราะท่านมีปณิธานทุ่มเท ชีวิตทั้งชีวิตให้กับ ภารกิจทั้ง ๘ ประการของฉือจี้ทั้งหมด
ท่านพูดภาษาไทยได้ดีมากพอสมควร ท่านใช้คำพูดที่จริงใจ ที่สื่อสารมาจากใจของท่าน ได้อย่างน่ารักมาก
แม้จะไม่ค่อยถูกต้องตามหลักภาษาไทยนักก็ตาม
ท่านเป็นที่รัก และเป็นที่รู้จักดี ของ อาสาสมัครฉือจี้ชาวโพธาราม และชาวโพธาราม
ท่านได้ให้ความรักกับ ชาวฉือจี้โพธาราม และชาวโพธาราม มาตลอดมากว่า ๑ ปีแล้ว
เวลาท่านมาโพธาราม พวกเราดีใจจริงๆ เหมือนเพลง หวานยิ้ง

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ครอบครัวบุญคุณ คุณเกษมสุข





คุณเกษมสุข
ต.ห้วยสัก จ.เชียงราย

เป็น Case CVA อัมพาต
นับถือศาสนา คริสเตียน

อาชีพเดิม ขายก๋วยเตี๋ยวในตลาด พอป่วยสามีก็ทิ้งไป
ทิ้งลูกให้เลี้ยง 3 คน
เคยพยายามฆ่าตัวตาย
ไปช่วยดูแล หัดเดิน หัดพูด
ปัจจุบัน เดินได้ พูดได้ เซ็นชื่อได้
อส.ไปเยี่ยมทุกๆเดือน เอาของไปให้
อยู่กับครอบครัวพี่สาว
ปัจจุบันหยอดกระปุกทุกเดือน

ชาว อส.ฉือจี้ โพธารามและสงขลาไปเยี่ยมเมื่อ
20 พฤศจิกายน 2552

ครอบครัวบุญคุณ คุณจำนง






ไปเยี่ยม
คุณจำนง จันต๊ะนา

คุณจำนงเป็นคนเชียงราย มีลูกเมีย ต้องการไปทำงานแสวงโชคที่ ประเทศไต้หวัน
ไปเป็นกรรมกร ที่โรงงานทำอิฐ ก่อนไปได้ กู้เงินโดยจำนองบ้านหาเงินเป็นค่าเดินทางไป
ผู้ป่วยพิการเนื่องจาก อุบัติเหตุ หินหล่นใส่หัว ผ่าตัดสมอง หลังจากอาการดี ก็พิการแขนขาเสียข้างหนึ่ง

เมื่อป่วยพิการ ทำงานไม่ได้ ภรรยาก็ทิ้งไป
ทำงานเก็บขี้วัวมาตากแห้งขายกระสอบละ 10 บาท เลี้ยงชีพ
เจ้าหนี้ก็มาทวง ไม่มีจ่ายก็จะยึดบ้าน ที่ดิน
เสียใจไม่มีทางออก
ลูกป่วยตาย 1 คน อีกคน ไปบวชเป็นพระ

อาสาสมัครฉือจี้ที่เชียงรายทราบได้มาช่วยเหลือ
ก่อนที่ อส.จาก กรุงเทพจะไป ๓ วัน
คุณจำนง ผูกคอตาย แต่มีชาวบ้านมาช่วยทัน

ชาวอาสาสมัครฉือจี้
ได้มาช่วยเหลือ เจรจาเจ้าหนี้ ให้ผ่อนปรน รับการผ่อนชำระหนี้
หาอาชีพให้ โดยให้คุณจำนงปลูกผักขาย
ขายไม่ได้ ชาวฉือจี้มารับซื้อทั้งหมด
มาเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจทุกเดือน
ให้เงินรายเดือน ข้าวสาร(ข้าวเหนียว)
ปัจจุบัน หลังจากมาดูแลได้ ๒ ปี มีชีวิตที่ ดีขึ้นมีกำลังใจต่อสู้ชีวิต
พี่น้องที่่ไม่เคยมาเยี่ยมดูแล ก็มาเยี่ยม
ตอนแรก ก็ไม่คิดว่าเขามีญาติพี่น้อง
เพื่อนบ้านก็มาช่วยเหลือ
กำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็เข้ามาดูแล
เจ้าหนี้ก็ไม่กล้ายึดบ้านที่ดิน

ในภาพ พวกชาวอาสาสมัครฉือจี้ โพธาราม และ สงขลา
ได้มาเยี่ยมเยียน เมื่อ 20-11-2009
ช่วยทำความสะอาดบ้าน และบริเวณบ้าน
ให้กำลังใจ ผลัดกัน อวยพร
กอดให้ความรักคุณจำนง
มอบของใช้ อาหาร และเงิน จากมูลนิธิฉือจี้ให้
ร้องเพลง ครอบครัวเดียวกัน
คุณจำนงก็ร้องด้วย
บรรยายกาศ อบอุ่น ตื้นตันใจ พวกเราหลั่งน้ำตากันเกือบทุกคน

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ส่วนหนึ่งของคำบรรยายของ คุณสุชน แซ่เฮง วิทยากรฉือจี้


ส่วนหนึ่งของคำบรรยาย ของคุณสุชน แซ่เฮง ในที่ต่างๆ

๕ สถาบันหลักของสังคมจีน
๑.ขุนนาง จักรพรรดิ (เจ้านาย ลูกน้อง)
๒.สามี ภรรยา
๓.พ่อ ลูก
๔.พี่ น้อง
๕.เพื่อน เพื่อน

สถาบัน ครอบครัว สามี ภรรยา สำคัญที่สุด

คุณสมบัติเด็กที่เราต้องการคือ
๑.ซื่อสัตย์
๒.ซื่อตรง
๓.สัจจะ
๔.สมถะ

เครื่องมือในการสอนเด็ก
๑.วาจาดี
๒.ความประพฤติดี
๓.สิ่งแวดล้อมดี
๔.ระบบดี

การศึกษาไม่ใช่ เป็นแต่เพียงการเรียนในห้องเรียน
สิ่งแวดล้อม
อาคาร
ต้นไม้
ครูที่ดี
ก็เป็นสิ่งที่ ให้การศึกษาเด็กทั้งสิ้น

เราต้องการให้เด็กเป็นคนดี มากกว่าเป็นคนเก่ง

เมื่อเป็นเด็ก พ่อแม่เป็นใหญ่ เชื่อพ่อแม่มาก
ต่อมาเมื่อมาโรงเรียน ครูเป็นใหญ่
ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แก่เด็กด้วย

แพทย์และครู ไม่ใช่เป็นอาชีพ แต่เป็นปณิธาน

เห้งเจีย มีที่ครอบหัว
ถ้าไม่เชื่อฟัง พระถังซัมจั๋ง
สวด จะรัดหัว ต้องยอม
เหมือนกับ อาสสมัครฉือจี้ ที่ต้องมี ศีลคอยคุ้มครอง

การทำงาน ฉือจี้ เป็นการปฏิบัติธรรม
ตลอดการทำงาน ถ้ามาแล้วไม้ได้ธรรมกลับไป
เหมือนกับ ถูกโจรปล้นไป

กฎที่ต้องปฏิบัติ ในการไปเยี่ยมครอบครัวบุญคุณ

กฎที่ต้องปฏิบัติ ในการไปเยี่ยมครอบครัวบุญคุณ

1.ถ้าได้กลิ่นเหม็น ห้ามแสดงความรังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นทาง กายหรือวาจา
2.ช่วยเหลือเท่าที่เราทำได้
3.ห้ามหยิบของของเขา ถ้าเอาไปต้องจ่ายเงินให้
4.การถ่ายรูป ไม่ถ่ายหน้าตรง ให้ถ่ายด้านข้าง หรือหลัง
5.ถ้าเอารูปไปเผยแพร่ต้องปิดตา
6.เวลาลงรถต้องเข้าแถว
7.ถอดรองเท้าให้เอาหัวรองเท้า ออกด้านนอก
8.แต่งตัวมิดชิด ไม่โป๊
9.ร้องเพลงครอบครัวเดียวกัน
10.อวยพร จับมือ ให้กำลังใจ ถ่ายทอดความรัก ยิ้มแย้มแจ่มใส

( บันทึก จากคำบรรยาย ของ คุณ เมตตา แซ่ชิว 20 ธันวาคม 2551 ห้องประชุม สินธานี อ.เมือง จ.เชียงราย)

การอบรม อส.ฉจ.๑๗ ถึง ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒




การอบรม อาสาสมัครฉือจี้ ประเทศไทยครั้ที่ ๒
ที่ศูนย์ฝึกอบรม บริษัท สินธานี อ.เมือง จ.เชียงราย
๑๗ ถึง ๒๒ พฤศจิกยน ๒๕๕๒

เพลง โลกนี้มีความรัก

โลกนี้มีความรัก
人間有愛
เหรินเจียนโหย่วอ้าย


**********************************************************************
1. 感謝 你 給了我 溫暖的 擁抱

ก่านเซี่ย หนี่ เก่ยเลอหว่อ เวินหน่วนเตอะ หย่งเป้า

ขอบคุณ เธอ ให้ฉัน อบอุ่น อ้อมกอด

2. 讓我 擺渡過生命 低潮

ร่างหว่อ ไป่ ตู้ กั้ว เซิง มิ่ง ตีเฉ่า

ให้ฉัน ก้าวข้าม ชีวิต ตกต่ำ


3. 一顆 心 裝 滿 愛 風再大 不 飄搖

อี เคอ ซิน จวง หม่าน อ้าย ฟงไจ้ต้า ปู้ เพียวเหยา

หนึ่ง ดวง ใจ เติม เต็ม ความรัก ลมจะแรง ไม่ ไหวหวั่น

4. 學 會 把肩膀 借 別人 依靠

เซวย ฮุ่ย ป่าเจียนปั่ง เจี้ย เปี๋ยเหริน อีเค่า

รู้จัก นำบ่าไหล่ ให้ยืม ผู้อื่น พักพิง


5. 用 真 心 給了 你 了解的 微笑

ย่ง เจิน ซิน เก่ยเลอ หนี่ เหลียวเจี่ยเตอะ เวยเซี่ยว

ใช้ จริง ใจ ให้ เธอ เข้าใจ รอยยิ้ม

6. 陪著 你 解開 心 事 困擾

เผยเจอะ หนี่ เจี่ยไค ซิน ซื่อ คุ่นเหย่า

เคียงข้าง เธอ คลี่คลาย เรื่องราวในใจ กังวล


7. 看著 你 抬起頭 淚停了 那一秒

คั่นเจอะ หนี่ ไถฉี่โถว เล่ย ถิงเหลี่ยว น่า อี เหมี่ยว

มอง เธอ เงยหน้าขึ้น น้ำตา หยุดไหล ณ วินาทีนั้น

8. 感動 在 胸口 圍繞

ก่านต้ง ไจ้ ซีอง โข่ว เหวยเร้า

ความซาบซึ้ง อยู่ ทรวงอก วนเวียน


9. 我 相信 人間 有 愛 值 得去 期待

หว่อ เซียงซิ่น เหรินเจียน โหย่ว อ้าย จื๋อ เต๋อ ชวี่ ฉีไต้

ฉัน เชื่อ โลกมนุษย์ มี ความรัก คุ้มค่า ที่จะไป รอคอย

10. 長久 封閉的 心 終究 會 打開

ฉางจิ้ว ฟงปี้เตอะ ซิน จงจิ้ว ฮุ้ย ต่าไค

ยาวนาน หุ้มปิด ใจ ในที่สุด จะ เปิดออก


11. 體諒 會 化解 傷害

ถี่เลี่ยง ฮุ้ย ฮว่าเจี่ย ซางไฮ้

การให้อภัย จะ สลาย แผล (ใจ)


12. 關 懷 會 化解 疑猜

กวนหวย ฮุ้ย ฮว่าเจี่ย อี๋ไช

ความห่วงใย จะ สลาย ความแคลงใจ


13. 最 動 人 的 愛 是 信賴

จุ้ย ต้ง เหริน เตอะ อ้าย ซื่อ ซิ่นไล่

ที่สุด ซาบซึ้ง ความรักของคน คือ ความเชื่อใจ







**********************************
แปลสรุป โดย อาจารย์ สุชน แซ่เฮง
**********************************
ขอบคุณอ้อมกอดที่อบอุ่น
ทำให้เราพ้นวิกฤษชีวิต

หัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก
ถึงแม้ลมจะแรงก็ไม่หวั่นไหว

เราเรียนรู้ ที่จะให้ยืมไหล่ของเรา ให้ผู้อื่นได้พักพิง

เรามอบความรัก ให้กับเธอด้วยความจริงใจ
เพื่อที่จะทำให้เธอพ้นจากความทุกข์

เราเห็นน้ำตาเธอหยุดไหล แล้วเดินหน้าต่อไป
ทำให้เกิดความปลื้มปิติ ซาบซึ้งถึงในหัวอก

เราเชื่อว่า ในโลกนี้มีความรักเป็นสิ่งที่น่ารอคอย
ความรักทำให้หัวใจคนเปิดกว้าง
ความรักและความห่วงใย ทำให้การเข้าใจผิด ความหวาดระแวง สิ้นมลาย

(ช่วงบรรเลง)

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของส่วนตัว
ปัญหาของครอบครัว
ปัญหาของสังคม หรือ
ปัญหาของประเทศชาติ

มีทางแก้
และวิธีแก้ หนทางเดียวก็คือ

การมอบความรักให้กันและกัน

****************************************************

เพลง ชีวิตประจำวัน คือเซน

ชีวิตประจำวันก็คือเซน 生活禪 เซิงหัวฉัน
แบกฟืนหาบน้ำ ก็คือเซน 挑柴運水 無不是禪 เทียวฉัยอวิ้นสุ่ยอู๋ปู๋ซื่อฉัน
การพูดการจา ก็คือเซน 開口動舌 無不是禪 ไคโข่วต้งเสออู๋ปู๋ซื่อฉัน
ทุกย่างก้าวที่ทำ ก็คือเซน 舉手投足 無不是禪 จวี๋โส่วโถวจู๋อู๋ปู๋ซื่อฉัน
การเดินยืนนั่งนอน ก็คือเซน 行住坐臥無不是禪 สิงจู้จั้ววั่วอู๋ปู๋ซื่อฉัน
เดินเบาเบา ยืนตรงตรง 行如風 住如松 สิงหยูฟงจู้หยูซง
นั่งมั่นคง นอนคันศร 坐如鐘 臥如弓 จั้วหยูจงวั่วหยูกง
บำเพ็ญตนบ่มเพาะสง่างาม 修心養性端正行為 ซิวซินหยั่งซิ่งตวนเจิ้งสิงเหวย
ทุกอย่างที่ทำก็คือเซน 禪定智慧在其中 ฉันติ้งจื้อหุ้ยจั้ยฉีจง

เพลงแม่จ๋า

แม่จ๋า 媽媽 มามา
แม่จ๋า แม่ดั่งต้นไม้ใหญ่ 媽媽 您是一棵大樹 มามาหนินซื่ออีเคอต้าซู่
หนูเป็นหนอนตัวน้อยบนไม้ใหญ่ 我是樹上的小毛蟲 หว่อซื่อซู่ซั่งติเสี่ยวเหมาฉง
หนูได้กินใบไม้อยู่ทุกๆวัน 我每天吃樹上的葉子 หว่อเหม่ยเทียนชือซู่ซั่งติเยี่ยจื่อ
คุณแม่ไม่เคยว่าหนู 媽媽 沒有怨言 มามาเหมยโย่วย่วนเหยีย
แม่จ๋าแม่ดั่งต้นไม้ใหญ่ 媽媽 您這一棵大樹 มามาหนินเจ้ออีเคอต้าซู่
ยังคงแตกใบเลี้ยงหนูอยู่เสมอ 還是不停得長出新葉子 ไหซื่อปู้ถิงติจ่างชูซินเยี่ยจื่อ
เพื่อให้หนูเติบใหญ่มีพลัง 使我成長 使我茁壯 สื่อหว่อเชิงจ่างสื่อหว่อจั๋วจ้วง
แม่จ๋าหนูขอขอบพระคุณ 媽媽 我們感恩您 มามาหว่อเหมินกั่นเอินหนิน

เพลงครอบครัวเดียวกัน

ครอบครัวเดียวกัน

ความสุขของฉัน เพราะเสียงหัวเราะจากเธอ
เมื่อได้เห็นน้ำตาเธอ ใจฉันนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน

ความฝันของฉัน ต้องการคนมาช่วยสร้างสรรค์
ความรักที่ได้จากเธอ เป็นพลังเดินหน้าต่อไป

เพราะว่าพวกเรา ครอบครัวเดียวกัน
ด้วยใจ ร้อยใจ เราต่างซาบซึ้ง

เพราะว่าพวกเรา ครอบครัวเดียวกัน
ร่วมสุข ร่วมทุกข์ บนเส้นทางชีวิต

ส่วนหนึ่งของการบรรยายของคุณสันติ ประธานสาขาฉือจี้ภาคเหนือ


สันติ
เฉิน
ฉายา จี้ฟา
เป็นอาสาสมัคร ฉือจี้ อาวุโส
เป็นประธานสาขาเขตภาคเหนือ ของมูลนิธิฉือจี้ในประเทศไทย
เป็น ผู้อำนวยการอบรม อาสาสมัครฉือจี้ ประเทศไทย
การอบรม อส.ฉือจี้ประเทศไทย ครั้งที่ ๒ ๑๗ ถึง ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒
ณ ศูนย์ฝึกอบรม บ.สินธานี ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย

ท่านได้กรุณามาบรรบยายแบ่งปันความรู้สึก
มีการ
ฉายชีวิต การ์ตูนให้ดู เกิดมาตายไม่มีอะไร

ได้เปลี่ยนแปลง ชีวิตใหม่
เมื่อได้พบกับท่านธรรมมาจารย์

อาชีพเป็นพ่อค้า

เครื่องแบบ ฉือจี้ ต้องลงมือทำ

๑๓ ปีก่อน มาเป็น อส.ฉือจี้
สมัยนั้น ไม่มีคนไทยเลย
เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำความดี

ชาวฉือจี้ถือศีล ๑๐
มาทำงานฉือจี้ ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป กล้าทำ สิ่งที่เหม็น

เดิมไม่ร้จักคำว่า กตัญญู
ความสัมพันธิ์ในครอบครัวไม่ดี

ความเมตตาก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ศาสนาพุทธเป็นอย่างไร กันแน่
คนไทยไม่ค่อยรู้จักพระโพธิสัตว์

คนไทยมีจิตเมตตาอยู่แล้ว
แต่ไม่ได้ถูกกระตุ้นขึ้นมา

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ คนไทย มารวมกันที่นี่มากที่สุด
ในรอบ ๑๓ ปีทมา

คนไทยโชคดีมาก
ไม่มีที่ไหน พบคนแปลกหน้า ทักโดยการไหว้

คนไทยมีรอยยิ้ม มาก

คำว่า สวัสดีครับ ภาษาไต้หวัน แปลว่า ข้าวขาหมู สามถ้วย

อยากให้สิ่งที่ดีงามในสังคมไทย กลับมา

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ผู้อำนวยการไปร่วมงานขอบคุณแพทย์าอาสาฉือจี้


เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2552
เวลา 14.00-17.00 ที่ โรงแรม ดิ เอมเมอรัล ถนนรัชดาภิเษก กทม.
ผู้อำนวยการ
นพ.วันชัย ล้อกาญจนรัตน์และ รองแพทย์ นพ.สมบูรณ์ นันทานิช
ได้ไปร่วมงาน ขอบคุณแพทย์ พยาบาล อาสา
โดย ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตา
จัดโดย มูลนิธิพุทธฉือจี้ในประเทศไทย


วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วาทะธรรม


เวลา

...คนที่ไม่ทำงานใด ๆ และปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ ชีวิตจะเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน การปล่อยชีวิตให้ล่วงเลยไปโดยเอาแต่นอน จิตใจจะค่อย ๆ ตกต่ำ สติปัญญาและความสามารถจะถดถอยลงเรื่อย ๆ ผู้ที่ดำรงชีวิตแบบนี้เราเรียกว่า “คนหลับ”...

วาทะธรรม เล่ม 1 หมวดที่ 1 "โอกาสที่ดีที่สุดคือปัจจุบัน" โดยท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเอี๋ยน

จุดประทีปแห่งดวงจิต

...หากจิตยึดถือคุณธรรมเป็นที่ตั้ง ก็จะสามารถศึกษาสัจธรรมได้อย่างลึกซึ้งและกว้างไกล ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้จะได้อ่านหนังสือธรรมะเป็นร้อยเล่มพันเล่มก็จะเหมือนภาพสะท้อนของดวง จันทร์ในน้ำ เหมือนภาพสะท้อนของดอกไม้ในกระจกเงา ซึ่งมิใช่วัตถุที่เป็นของจริง จะไม่บรรลุผลสำเร็จใด ๆ เลย...


วาทะธรรม เล่ม 1 หมวดที่ 2 "เป็นดั่งดวงจันทร์ กระจกเงาและน้ำ" โดยท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเอี๋ยน

เมตตาและกรุณา

...เมตตาเป็นบ่อเกิดของการช่วยเหลือโลกมนุษย์ แต่หากปราศจากปัญญาก็จะไม่เป็น “ความเมตตาอันยิ่งใหญ่” ผู้มีปัญญาจึงจะเป็นผู้ที่แสดงซึ่งความเมตตาอย่างมุ่งมั่น ทั้งนี้ ตามหลักธรรมที่ว่า “ความเมตตากับปัญญาเป็นของคู่กัน” ...

วาทะธรรม เล่ม 1 หมวดที่ 3 "จิต ที่เจ็บปวดแทนผู้อื่น" โดยท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเอี๋ยน

เปล่งแสงแห่งปัญญาและการหว่านพันธุ์พืชดี

...เราควรหว่านเมล็ดพันธุ์พืชดีในจิตใจของเรา เมล็ดพืชที่ดีงอกขึ้นหนึ่งเมล็ดจะทำให้วัชพืชน้อยลงหนึ่งต้น นาที่ร้างจากการไถหว่าน วัชพืชจะขึ้นมาแทนที่ ดังนั้น การกระทำความดีจะต้องกระทำทุกวันทุกเวลา และทำอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเพียงการยกมือหรือการย่างก้าว จิตจะต้องคิดถึงแต่การทำกรรมดีตลอดเวลา...

วาทะธรรม เล่ม 1 หมวดที่ 4 "ดอกบัวที่บริสุทธิ์" โดยท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเอี๋ยน



การพัฒนาบุคลิกภาพ

...อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต คำตอบก็คือความรัก ผู้ที่เสียสละความสุขส่วนตัวและสามารถให้ความรักแก่ผู้อื่น จะเป็นผู้ที่มีความสุขอยู่เสมอ ชีวิตจะมีคุณค่าอย่างยิ่ง

วาทะธรรม เล่ม 1 หมวดที่ ๕ ความรัก ที่บริสุทธิ์ โดยท่านธรรมาจารย์ เจิ้งเอี๋ยน

เบาแต่หนัก วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

เบาแต่หนัก วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

การ ที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น ต้องสื่อสารกันด้วยน้ำเสียงและสีหน้า ดังนั้น การพูดคุยกับผู้อื่นควรใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลและแฝงไว้ด้วยสีหน้าที่สุภาพ อ่อนโยน มีไมตรีจิต และรอยยิ้มอยู่เสมอ


หากเราเป็นคนเจ้าอารมณ์และปากร้าย แม้เราจะเป็นคนใจดีเพียงใดก็ตาม เราก็ยังเป็นคนไม่ดีอยู่นั้นเอง


ความ งดงามของมนุษย์นั้นอยู่ที่ความจริงใจ ความจริงใจเป็นบ่อเกิดแห่งจริยธรรมทั้งปวง คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่คำพูดที่เชื่อถือได้ ความเชื่อถือคือหลักการขั้นพื้นฐานของชีวิต

จาก หนังสือ วาทะธรรม ๑ ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน หน้า 67-71

ความรักที่บริสุทธิ์ วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

ความรักที่บริสุทธิ์ วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

อะไร คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต คำตอบก็คือความรัก ผู้ที่เสียสละความสุขส่วนตัวและสามารถให้ความรักแก่ผุ้อื่น จะเป็นผู้ที่มีความสุขอยู่เสมอ ชวิตจะมีคุณค่าอย่างยิ่ง


ยอมให้ผู้อื่นหนึ่งก้าว รักผู้อื่นมากขึ้นอีกนิด ทำได้ดังนี้ ชีวิตเราจะมีความสุขตลอดไป


จงเปลี่ยนความโกรธให้เป็นความนุ่มนวล แล้วค่อยเปลี่ยนความนุ่มนวลให้เป็นความรัก เมื่อทำได้เช่นนี้ก็จะน่าอภิรมย์ยิ่ง

จาก หนังสือ วาทะธรรม ๑ ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน หน้า 31-33

การเลี้ยงดูบุตร วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

การเลี้ยงดูบุตร วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

ศิษย์ถามว่า"ควรจะอบรมสั่งสอนลูก ๆ อย่างไรจึงจะเหมาะสม
การ เลี้ยงดูลูก ๆ นั้นเปรียบเสมือนการเพาะชำต้นอ่อน เมื่อเราปลูกต้นอ่อนแล้ว หากรดน้ำและใส่ปุ๋ยมากเกินไป รากของต้นอ่อนจะเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว เพราะว่าโดยธรรมชาติก็มีน้ำ แสงแดด และอากาศที่เพียงพออยู่แล้ว การอบรมสั่งสอนลูกก็เช่นเดียวกัน หากเราเลี้ยงลูกโดยให้ความรักมากเกินไป กลับจะเป็นโทษ

ลูกไม่เชื่อฟังและไม่ขยันเรียนจะทำอย่างไรดี
ที่จริงการเป็นพ่อแม่จะต้องทำหน้าที่ของพ่อแม่ให้ดีด้วย ไม่ควรใช้อำนาจกับลูก พ่อแม่จะต้องปลูกฝังแต่สิ่งดี ๆ แก่ลูก ในฐานะของความเป็นแม่จะต้องมีความรักต่อสรรพสัตว์ และต้องใช้ปัญญาของพุทธะมาอบรมสั่งสอนลูก อย่าไปวิตกกังวลกับลูกมากเกินไป มิฉะนั้นจะเป็นการเพิ่มบาปให้แก่ลูก

จาก หนังสือ วาทะธรรม ๑ ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน หน้า 168-169

แม่สามีกับลูกสะใภ้ วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

แม่สามีกับลูกสะใภ้ วาทะธรรมท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน(證嚴法師)

สะใภ้ผู้หนึ่งพูดกับท่านธรรมาจารย์ว่า"ฉันปรนนิบัติแม่สามีอย่างดีแล้ว แต่ท่านยังคงไม่ดีต่อฉันเลย"
แม่ สามีปฏิบัติต่อเราไม่ดีนั้น เป็นเรื่องของท่าน แต่เราปฏิบัติดีต่อท่านนั้น เป็นหน้าที่ของเรา ต้องรู้ว่าการกระทำของเรานั้น อยู่ในสายตาของลูกๆ ตลอดเวลา ลูกจะเรียนรู้จากเราด้วย หากเราดีต่อท่าน ถ้าให้คะแนนจะได้ถึงเก้าสิบเก้าคะแนน ทำไม่ถึงไม่ปฏิบัติดีต่อท่านให้ได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคะแนน เพื่อให้ได้เต็มร้อยล่ะ

สมาชิกถามถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้
จง ปรนนิบัติต่อพ่อแม่สามีอย่างดี เพื่อให้ท่านมีความสุข ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย จะเป็นบุญกุศลของลูกสะใภ้ ไม่ควรไปขัดใจท่าน ทำให้ท่านโกรธหรือเจ็บไข้ได้ป่วย การดูแลการพยาบาลท่านตกเป็นหน้าที่ของสะใภ้โดยตรง ดังนั้นควรเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน เมื่อไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ก็จงอย่าคิดแต่จะซื้ออาหารที่ลูก ๆ ชอบ โดยไม่คำนึงถึงพ่อแม่สามีว่าชอบทานอะไรบ้าง จะทำการใด ๆ ต้องมีความเคารพต่อท่านเสมอ
จาก หนังสือ วาทะธรรม ๑ ธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน หน้า 167

วาทะธรรม ท่าน ซั่งเหยิน

วาทะธรรม ชุด การพัฒนาบุคลิกภาพ ความรักที่บริสุทธ์
ของ ท่าน ธรรมมาจารย์ เจิ้นเหยียน

1. “อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต คำตอบก็คือความรัก ผู้ที่เสียสละความสุขส่วนตัว และสามารถให้ความรักแก่ผู้อื่น จะเป็นผู้ที่มีความสุขอยู่เสมอ ชีวิตจะมีคุณค่าอย่างยิ่ง”

2. “บุคคลที่รักผู้อื่น หรือเป็นที่รักของผู้อื่น ล้วนเป็นบุคคลที่มีความสุข”

3. “จงอย่าปิดกั้นตนเอง ขอให้รักผู้อื่นก่อน แล้วผู้อื่นจึงจะรักเรา”

4. “คนเราต้องรักศักดิ์ศรีของตนก่อน จึงจะรักผู้อื่นได้ทั่วหล้า”

5. “ยอมให้ผู้อื่นหนึ่งก้าว รักผู้อื่นมากขึ้นอีกนิด ทำได้ดังนี้ ชีวิตเราจะมีความสุขตลอดไป”

6. “หากเราปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรักและเมตตา ความอับโชคและภยันตราย จะไม่กล้ำกรายมาใกล้
ดังนั้น เราต้องเป็นผู้ที่ยอมเสียเปรียบในสิ่งเล็กๆน้อยๆ และทำตัวเป็นผู้ประเสริฐที่ฉลาด สามารถที่จะแสร้ง
ทำตัวเป็นดั่งผู้โง่เขลา”

7. “ จงเปลี่ยนความโกรธให้เป็นความนุ่มนวล แล้วค่อยเปลี่ยนความนุ่มนวลให้เป็นความรัก เมื่อทำได้ดังนี้ โลกนี้ก็จะน่าอภิรมย์ยิ่ง”

8. “การทำบุญมิใช่เป็นสิทธิ์เฉพาะของผู้มั่งมี ผู้มีจิตศรัทธาและความใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักก็มีสิทธิ์ทำบุญได้เช่นกัน”

9. “ความรู้สึกเศร้าที่สุดในชีวิตของคนเราคือ “เห็นคนอื่นมีครอบครัวแต่ตัวเราไม่มี” ดังนั้น ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะได้ยินคำพูดที่ว่า “ขอให้เราถือว่ามวลสรรพสัตว์ที่มีอายุมากเป็นดั่งบิดามารดาของตนเอง จงรักผู้ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเหมือนพี่ เหมือนน้อง และดูแลช่วยเหลือผู้อ่อนเยาว์กว่าดังเช่นลูกหลานของเรา” นี่คือสัจจธรรมที่สูงที่สุด และงดงามที่สุดของมวลมนุษยชาติ”

10. “จงอย่านำความทุกข์ไปปะปนกับความรัก เพราะความทุกข์จะทำให้ความรักไม่บริสุทธิ์”

11. “การปลูกฝังความรักที่บริสุทธ์ โดยไม่คำนึงถึงการ “ได้หรือเสีย” จึงจะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่หวังผลตอบแทน ดังนี้แล้ว จะไม่ทำให้เราเกิดทุกข์”

12. “ความรักที่หวังผลตอบแทน เป็นความรักที่ไม่จีรังยั่งยืน ความรักที่เป็นนิรันดร์นั้น คือความรักที่ไม่มีรูปลักษณ์ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ และไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆเลย”

13. “พ่อแม่ที่รักลูกมากเกินไป จะเป็นการสร้างความทุกข์แก่ลูก จงไว้ใจพวกเขา แล้วพวกเขาจะมีความสบายใจ”

14. “ชาที่มีรสหอม และรสดี เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า หากชานั้น ชงเข้มข้นเกินไป จะมีรสขมจนดื่มไม่ได้ ความรักในโลกนี้ก็เป็นเช่นนี้แล”

15. “เรามักจะรู้สึกว่าในหัวใจของเราขาดความรัก จึงไม่รู้สึกพอในความรัก เปรียบดั่งภูตผีที่หิวโหย หากเราลุ่มหลงอยู่ในความรัก จะทำให้เราไม่รู้จักพอ”

16. “เมื่อเราพูดถึงความรัก เราจะพูดในแง่ของความรักที่มีสติ เมื่อเราพูดถึงความรัก เราจะพูดในแง่ที่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ และหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง”

17. “พระพุทธองค์ทรงกระตุ้นให้เรามีความรักที่ยิ่งใหญ่ลึกซึ้ง และสามารถแผ่กระจายครอบคลุมไปทั่วจักรวาล ทรงสอนให้เราหลุดพ้นจากการรักตนเอง เพื่อให้จักรวาลอบอวลไปด้วยความรัก จงอย่าให้ความรักนี้ เหมือนดั่งดินโคลนที่มีสิ่งอื่นปะปน และเหนียวเหนอะหนะ”

18. “สุภาพสตรีที่มีธรรมะประจำใจ ควรปลูกฝังจิตใจ และจริยวัตรให้เป็นดั่งเช่น แสงจันทร์ที่ผ่องใสนุ่มนวล ควรจะเปิดใจให้กว้างและทอแสงแห่งปัญญา ควรจะทำให้ทุกคนในครอบครัวและทุกคนที่คบค้าสมาคมด้วยรู้สึกดั่งได้อาบแสง
จันทร์ที่เยือกเย็น นุ่มนวลและสดชื่น จึงจะได้ชื่อว่า “เรารักทุกคน ทุกคนก็รักเรา” จะได้รู้ซึ้งถึงแก่นสารอันแท้จริงของความรัก และจะได้พัฒนาบุคคลิกภาพให้งดงามยิ่งขึ้น”

(จากหนังสือ วาทะธรรม ของท่านธรรมมาจารย์ เจิ้นเหยี่ยน )

กิจกรรมประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ของ เขต ตง๑


ตารางกิจกรรมประจำเดือน พ.ย. 2552 เขตตง 1
รับสมัครอาสาสมัคร
11/1 09.00 น. ทำความสะอาดมูลนิธิฯ
11/2 13.00 น. ชั้นเรียนวาทะธรรมที่วัดโบสถ์ (รักโลก)
☆ รับสมัครคุณครูที่เกษียนแล้วหรือผู้ปกครองที่มีความสนใจด้านการศึกษา 10 ตำแหน่ง
11/5 10.00 – 12.00 น. งานฝีมือ(ที่มูลนิธิฯ) ทำสะบู่และลูกชุบ
☆ รับสมัครผู้สนใจเรียนฟรี 20 คน
09.30 ลงชื่อที่อาจารย์นิภาวรรณผู้สอน
11/7-8 ชั้นเรียนอบรมจากคณะอาจารย์ไต้หวัน
11/9 13.00-18.00 ชั้นเรียนวาทะธรรมที่วัดโบสถ์(ความร่วมมือ)
☆ รับสมัครคุณครูที่เกษียนแล้วหรือผู้ปกครองที่มีความสนใจด้านการศึกษา 10 ตำแหน่ง
11/14 งานเลี้ยงขอบคุณคณะแพทย์พยาบาลรพ.บ้านแพ้ว
11/17-22 อบรมอาสาสมัครชาวไทยที่เชียงราย
☆ รับสมัครพลเมืองดีที่มีใจรัก 20 ท่าน
11/23 13.00-18.00 ชั้นเรียนวาทะธรรมที่วัดโบสถ์(ความมัธยัส)
☆ รับสมัครคุณครูที่เกษียนแล้วหรือผู้ปกครองที่มีความสนใจด้านการศึกษา 10 ตำแหน่ง
11/29 07.00-18.00 เยี่ยมและแจกของผู้ยากไร้ที่บ้านแพ้ว
☆ รับสมัครพลเมืองดี 20 คน

สมัครได้ที่ คุณวัชราพร โทร.089-6638838 E-mail : vtip81@yahoo.com

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชาวฉือจี้โพธารามเรียนภาษามือ


๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ชาวอาสาสมัครฉือจี้มาประชุมกันเรียนภาษามือกันเอง

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552

ส่วนหนึ่งของคำบรรยาย อาจารย์หยางเย่ฟง

อาจารย์ หยางเย่ฟง อายุ 73 ปีแล้ว เป็นครูผู้หญิง อาวุโส ของฉือจี้ เป็นครูมาตลอดชีวิต เคยเป็น ผอ.โรงเรียนประถม และมัธยมสาธิต
ของมหาวิทยาลัยฉือจี้ ได้มาบรรยาย ให้ครูฟังที่ สถาบันของกระทรวงศึกษาธิการ ในวัดไร่ขิงเมื่อ 15 มีนาคม 2552
ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปฟัง ท่านบรรยาย ท่านบรรยายเป็นภาษาจีน ฟังจากคำแปล ก็คงเก็บความได้บ้าง ถึงว่าเป็นสมุดจดเลคเชอร์ของนักเรียนคนหนึ่งก็แล้วกันจะนำไปอ้างอิงแบบเป็นทางการ อะไร ไม่ได้ แค่นำไปค้นต่อเท่านั้น

ปรัชญาของโรงเรียน คือ พรหมวิหารธรรม ๔


เน้นความรู้ คู่คุณธรรม

ใช้ความรักในการบริหาร ใช้ศิลป์เป็นกฎระเบียบ
ฝ่ายบริหารทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ทำให้ โรงเรียนอบอุ่น
ครู ต้อง ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีสมานไมตรี

วิทยาลัยแพทย์ วิทยาลัยพยาบาล สร้างหนุ่มสาวให้มีงานที่ดี เป็นผู้ที่ ได้รับการยกย่องว่าเป็น ต้า อี หวัง
(ต้า อี หวัง = พระพุทธเจ้า เพราะรักษาคน ทั้งร่างกายและจิตใจ)

คุณสมบัติของครู ต้องมีหัวใจที่
โพธิ มานะ ปัญญา เมตตา มุ่งมั่น

จิตของคุณครู ต้องเป็น
จิตอาจารย์ จิตพ่อแม่ จิตพระโพธิสัตว์

ส่งเสริมครูให้
๑.ใช้ความรัก และทำตัวเป็นแบบอย่าง
๒.ประพฤติเป็นแบบอแย่าง
๓.ไม่จำกัดขอบเขตแค่เป็นเพียงอาชีพ

สร้างนักเรียนให้
เคารพรักตนเอง กระตือรือล้น แสดงศักยภาพ ทักษะความรู้ ด้านดี
หว่านเมล็ดพันธ์แห่งความเมตตา มีวินัย ทำเพื่อสังคม

วัตถุประสงค์
๑.ให้รู้จักการดำเนินชีวิต
๒.จรรยา บุคคลิกงาม เช่นเคารพผู้ใหญ่ ต้อนรับขับสู้
๓.มีจริยธรรม
๔.ให้บริการ
๕.ชีวิตที่ดีงาม รู้จักพอ ให้อภัย ไม่อาฆาต สำนึกคุณ
มีเมตตา กินเจ มีชุดอาหารของตนเอง มีเครื่องแบบ(ทำให้ประหยัด สมถะ สวยงาม สง่า บุคคลิกดี)

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

ลุงหมิก ต.หนองโพ อ.โพธาราม


ลุงหมิก
ต.หนองโพ อ.โพธาราม
ผู้สูงอายุ
อยู่ตัวคนเดียว
ไม่มีบ้านอยู่ อยู่ที่อ่านหนังสือพิมพ์ ประจำหมู่บ้าน
เป็นโรคต้อหิน
ไม่ได้รับรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพราะไม่มีเงินมาหาหมอ
ปัจจุบันตาบอด ๑ ข้าง อีกข้างมัว

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2552

คุณยงเกียรติ เกียรติเสริมสกุล


คุณยงเกียรติ เกียรติเสริมสกุล
ประธาน สมาคมแพทย์อาสาฉือจี้ สาขาประเทศไทย(TIMA)