ในพระอรรถกถา กล่าวว่า
ในสมัยพุทธกาล
มีพระองค์หนึ่งชื่อ พระโปทิละ
โปทิละ ไม่น่าจะเป็นชื่อจริง
น่าจะเป็นฉายาใหม่ที่พระพุทธองค์ทรงเรียกขึ้น
ทั้งนี้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ แก่พระลูกศิษย์
เพราะคำว่่า โปทิละ แปลว่า ใบลานเปล่า
หมายถึงคัมภีร์ ที่ปราศจากตัวอักษร
เปรียบเหมือน จิตที่ปราศจากธรรม
เป็นคำตำหนิ
ท่านพระเถระเป็นผู้ที่แตกฉานในธรรมวินัยมาก
รู้แต่ปริยัติธรรมเท่านั้น
ท่านมีลูกศิษย์มากมาย
ท่านได้แต่สอนปริยัติธรรม
แต่ไม่เคยปฏิบัติธรรม ให้บรรลุเห็นแจ้งตามที่พระพุทธองค์สอน
เวลาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าก็จะเรียกท่านว่า
“โปทิละ”
“โปทิละ”
เพื่อเป็นการ กระตุ้นท่าน
ว่าท่านนั้น เป็นเพียงแค่ผู้มีความทรงจำธรรมมะได้ เท่านั้น
แต่ใจยังไม่มีธรรมนั้น
ท่านก็ทราบว่า ถูกพระพุทธเจ้า ตำหนิ
ต่อมา ท่านก็รู้สึกอาย
ท่านก็กราบทูลลาไปปฏิบัติธรรม
ท่านไปสำนักของพระอรหันต์ ที่เถระผู้ใหญ่หลายรูป
ก็ไม่มีใครยอมรับท่านเป็นลูกศิษย์
ท่านถูกทรมาน
จนท่านต้องยอมลดทิฐิมานะ
ไปกราบสามเณรน้อย ที่เป็นพระอรหันต์
ขอเป็นลูกศิษย์
ขอเรียนกรรมฐาน
สามเณรยอมรับแบบมีเงื่อนไขว่า
ท่านต้องทำตามสั่งทุกประการ
ท่านก็ยอมรับเงื่อนไข
พลัน
สามเณรอรหันต์ ก็แกล้งท่าน โดยให้ท่านลุยสระน้ำ
เพื่อให้จีวรราคาแพงของท่านเปียกสกปรก
ท่านก็ลงลุยน้ำอย่างไม่ลังเล
พอชายจีวร สัมผัสน้ำ
สามเณรอาจารย์ ก็สั่งให้ท่านหยุด
สั่งให้ท่านขึ้นจากน้ำมาฟังคำสอนของท่าน
สามเณรกล่าวว่า
"ท่านผู้เจริญ
ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง
มีช่องอยู่ ๖ ช่อง
มีเหี้ยเข้าไปอยู่ภายใน
บุคคลผู้ประสงค์จะจับมัน
พึงอุดช่องทั้ง ๕
ทำลายช่องที่ ๖
แล้วจึงจับเอา
แม้ท่านก็จงปิดทวารทั้ง๕
จงเริ่มตั้งกรรมฐานไว้ใน มโนทวาร"
กล่าวเพียงเท่านี้
ท่านโปทิละก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ออกฝึกปฏิบัติ ไม่นาน
หลังจากได้รับคำชี้แนะจากพระพุทธองค์อีกครั้ง
ท่านพระโปทิละ ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ ผู้ทรงปัญญาเป็นเลิศ
ในพระพุทธศาสนาอีกองค์หนึ่ง
(ถอดจาก หนังสือเรื่อง "ประทีปส่องธรรม" โดยท่านพระอาจารย์ปราโมช ปาโมชโช)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น