เป็นข่าวกิจกรรมของกลุ่ม อาสาสมัครฉือจี้ เขตราชบุรี บันทึกความก้าวหน้า สื่อสาร เผยแพร่ ข่าวสารให้ผู้ที่สนใจ กิจกรรมจิตอาสาแนวพุทธฉือจี้ ทราบและมาร่วมงานกัน
วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การศึกษาดูงานของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติที่โรงพยาบาลโพธาราม
วันที่: 19 สิงหาคม 2554
เวลา: 8.00-13.00น.
หัวข้อ: การศึกษาดูงานของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติที่โรงพยาบาลโพธาราม
สถานที่: ห้องประชุมสารวจี โรงพยาบาลโพธาราม
อาสาสมัครฉือจี้ : กรรมการของโพธารามนายแพทย์สมบูรณ์ นันทานิช คุณสายหยุด เล่นวารี คุณสำเนียง เภาประเสริฐ คุณสุพัตรา แตงฮ้อ
คุณฉวีวรรณ โกเมนเอก คุณขวัญตา คล้ำเหลือ คุณนิตยา คำอาจ คุณนิภาวรรณ ธนพิรุณทร พี่ช้าง ป้าวิชาญ ป้ากัลยา ป้าสุนีย์ ป้าอุดม คุณสมพร คุณทัศนีย์ นันทานิช คุณจารุวรรณ หีบท่าไม้ คุณนฤมล คุณธร คุณเทวี ชุมแสง คุณศศิธร วงษ์เอี่ยม คุณอรฉัตร เนตนัตตา คุณสุรีพร วัฒนสืบสิน คุณเสริมทรง จันทร์เพ็ญ คูณชิดชม ชินนะ
รวมจำนวนอาสาสมัครฉือจี้ : 21 ท่าน
ผู้เข้าร่วมงาน : คณะทีมดูงานจากสถาบันเด็กแห่งชาติประกอบด้วยแพทย์พยาบาลและคณะเจ้าหน้าที่จำนวน 48 ท่าน และคณะเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโพธาราม 10 ท่าน รวมจำนวนผู้เข้าร่วมงาน 79 ท่าน
ผู้ถ่ายภาพ: คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
ผู้จดบันทึก: นางสาวสุพัตรา แตงฮ้อ
รายละเอียด :
คณะศึกษาดูงานจากสถาบันเด็กแห่งชาติเดินทางมาถึงโรงพยาบาลโพธารามเวลาประมาณ 09.00 น. ทีมงานของโรงพยาบาลโพธารามเข้าแถวร้องเพลงต้อนรับที่บริเวณหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ แล้วแบ่งคณะดูงานเป็น 3 กลุ่ม โดยมีพี่เลี้ยงประจำแต่ละกลุ่ม แบ่งงานที่จัดให้คณะเยี่ยมชมดูประกอบด้วย ดูงานเสริฟน้ำชาที่แผนกผู้ป่วยนอก ดูสำนักงานฉือจี้ มีการแจกให้ผู้ดูงานเลือกหยิบเซียมซีวาทะธรรม ทุกคนต่างรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง เพราะวาทะธรรมที่ได้ตรงกับใจของตน และการดูงานจิตอาสาที่แผนกไตเทียม
เวลาประมาณ 10.20น.คณะดูงานขึ้นมารับประทานอาหารเบรคที่ห้องประชุมสารวจีและชมวีดีโอค่ายคุณธรรมรุ่นที่2 และชมวีดีโอแนะนำโรงพยาบาลโพธารามแล้วชมภาษามมือเพลงเชียนโส่ยซือเจี้ยโดยอาสาสมัครของโพธาราม
กล่าวต้อนรับคณะผู้ดูงานโดยนายแพทย์สมบูรณ์และแนะนำอาสาสมัครฉือจี้และคณะเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโพธาราม
คุณสุพัตราบรรยายกิจกรรมของอาสาสมัครฉือจี้โพธาราม ประกอบด้วยกิจกรรมอาสาสมัครในโรงพยาบาล การเยี่ยมครอบครัวบุญคุณ กิจกรรมการรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย การออกหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแจกของ กิจกรรมอบรมตำรวจ กิจกรรมค่ายคุณธรรมและกิจกรรมการแยกขยะรีไซเคิลและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
คุณอิงอรยังได้บรรยายงานมิตรภาพบำบัดของโรงพยาบาลโพธาราม
เมื่อจบการบรรยายมีคณะผู้ดูงานซักถามถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานจิตอาสาของโพธารามโดยมี นายแพทย์สมบูรณ์เป็นผู้ตอบข้อซักถาม
เมื่อตอบข้อซักถามแล้วมีการสอนภาษามือเพลงครอบครัวเดียวกันและเพลงแม่จ๋าให้แก่คณะผู้ดูงานและแสดงร่วมกันคณะผู้ดูงานชื่นชอบมาก
แพทย์จากโรงพยาบาลเด็กเป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณแสดงความรู้สึก ชื่นชมกิจกรรมของโพธารามมาก มีคณะผู้มาดูงานกล่าวว่าเมื่อก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลโพธารามแล้ว รู้สึกว่าเป็นบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยความสุขรู้สึกเย็นสบายและเห็นอาสาสมัครและคณะเจ้าหน้าที่มีรอยยิ้มที่มีความสุข จึงเชื่อว่าเมื่อทำจิตอาสาแล้วคงมีความสุขและเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะภาพที่เห็นจากการนำเสนอ เห็นทุกคนมีความสุขทั้งคนเยี่ยมและคนถูกเยี่ยม และขอบคุณที่ทุกคนให้การต้อนรับอย่างดีเยี่ยม มีการมอบของที่ระลึกให้กันและกันแล้วถ่ายภาพร่วมกันก่อนรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
ซึ่งเป็นอาหารแมคโคไบโอติกและฟังการบรรยายถึงประโยชน์ของอาหารโดยโภชนากรของโรงพยาบาลโพธาราม
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วคณะผู้ดูงานเดินทางกลับเราได้เข้าแถวส่งแขกมอบหนังสือธรรมมะ หนังสือพิมพ์ฉือจี้และผิงอันให้แก่แขกทุกท่านอวยพรให้เดินทางด้วยความปลอดภัย
▲อาสาสมัครเข้าแถวเตรียมต้อนรับคณะผู้ดูงาน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲อาสาสมัครเข้าแถวเตรียมต้อนรับคณะผู้ดูงาน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธารามและอาสาสมัครฉือจี้ คุณหมอสมบูรณ์ นันทานิชต้อนรับคณะศึกษาดูงาน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลโพธารามและอาสาสมัครฉือจี้ คุณหมอสมบูรณ์ นันทานิชต้อนรับคณะศึกษาดูงาน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲คณะศึกษาดูงานฟังบรรยายที่สำนักงานฉือจี้ สาขาโรงพยาบาลโพธาราม โดยคุณจารุวรรณ หีบท่าไม้
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲ศึกษาดูงานที่แผนกผู้ป่วยนอก
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲ศึกษาดูงานที่แผนกผู้ป่วยนอก
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲ศึกษาดูงานที่แผนกไตเทียม
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲การแสดงภาษามือของอาสาสมัครเพื่อต้อนรับคณะผู้ดูงาน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲คณะผู้ดูงานชื่นชมและตั้งใจชมภาษามือที่แสดงอย่างมีความสุข
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲นายแพทย์สมบูรณ์ นันทานิช กล่าวต้อนรับและแนะนำอาสาสมัคร
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲บรรยายกิจกรรมของอาสาสมัครฉือจี้ที่โรงพยาบาลโพธารามโดยคุณสุพัตรา แตงฮ้อ
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲คณะผู้ศึกษาดูงานร่วมทำภาษามือแม่จ๋าและครอบครัวเดียวกัน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲มอบของที่ระลึก
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲ถ่ายภาพร่วมกัน
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
▲มอบของที่ระลึกแก่ผู้ศึกษาดูงานก่อนเดินทางกลับ
ภาพโดย คุณขวัญตา คล้ำเหลือ
วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ภัยใหญ่ ๓ ภัยเล็ก ๓
เราคงเคยได้ฟัง จากที่ต่างๆ จาก สถานีโทรทัศน์ ก็ดี
จากคำบรรยายของ อาจารย์สุชน ก็ดี ถึง ระยะของโลกของเรา
มีมานานแล้ว
ตอนนี้ กำลังเข้าสู่ กลียุค
สาเหตุ สำคัญที่สุดอันหนึ่งคือ
จิต มนุษย์นี้ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยกิเลส ทั้งสาม
คือ โลภ โทสะ โมหะ
ภัยต่างๆ ก็ เข้ามาไม่ขาดสาย
ถี่ขึ้น ถี่ขึ้น
ภัยเหล่านี้ คืออะไร
จากพระธรรมเทศนา ของท่าน เจิ่้นเอี๋ยน ตอนหนึ่งว่า
ภัยเล็กสาม (เสี่ยว ซัน ไจ)
ภัยใหญ่สาม(ต้า ซัน ไจ)
ภัยเล็กสาม (เสี่ยว ซัน ไจ)
ได้แก่
๑.ความอดอยาก (จี เอ้อ)
๒.โรคติดต่อ (อุน อี้)
๓.สงคราม (เตา ปิง ฉิง)
ภัยใหญ่สาม(ต้า ซัน ไจ)
ได้แก่
๑.อุทกภัย สุย
๒.อัคคีภัย ฮ๋อ
๓.วาตภัย ฮ้ง
จากคำบรรยายของ อาจารย์สุชน ก็ดี ถึง ระยะของโลกของเรา
มีมานานแล้ว
ตอนนี้ กำลังเข้าสู่ กลียุค
สาเหตุ สำคัญที่สุดอันหนึ่งคือ
จิต มนุษย์นี้ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยกิเลส ทั้งสาม
คือ โลภ โทสะ โมหะ
ภัยต่างๆ ก็ เข้ามาไม่ขาดสาย
ถี่ขึ้น ถี่ขึ้น
ภัยเหล่านี้ คืออะไร
จากพระธรรมเทศนา ของท่าน เจิ่้นเอี๋ยน ตอนหนึ่งว่า
ภัยเล็กสาม (เสี่ยว ซัน ไจ)
ภัยใหญ่สาม(ต้า ซัน ไจ)
ภัยเล็กสาม (เสี่ยว ซัน ไจ)
ได้แก่
๑.ความอดอยาก (จี เอ้อ)
๒.โรคติดต่อ (อุน อี้)
๓.สงคราม (เตา ปิง ฉิง)
ภัยใหญ่สาม(ต้า ซัน ไจ)
ได้แก่
๑.อุทกภัย สุย
๒.อัคคีภัย ฮ๋อ
๓.วาตภัย ฮ้ง
วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554
แนะนำ จิตอาสาแนวทางฉือจี้ ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อวัน พฤหัสบดี ที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
เวลา ๘.๓๐ ถึง ๑๖.๐๐ น.
นายแพทย์สมบูรณ์ นันทานิช
ได้รับเชิญไปบรรยาย เรื่องจิตอาสา ตามแนวพุทธฉือจี้
ให้กับ ฝ่ายกิจการนักศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อันประกอบด้วย
1.รศ.ดร.ธนิต ธงทอง
รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา
และ
คณาจารย์ ฝ่ายกิจการนิสิต ทุกคณะ
สืบเนื่องจากนโยบาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มีนโยบายให้ นิสิต ทุกชั้นปี (ปี๑ ถึง ปี๓)
จะต้องมีกิจกรรมจิตอาสา
อย่างน้อยปีละ ๑๐ ชั่วโมง
โดยเริ่มจากปีการศึกษา ๒๕๕๔ นี้
มีวิตถุประสงค์ให้นักศึกษา ได้เข้าใจ
ถึงจิตวิญญาณ ของการช่วยเหลือสังคมส่วนรวมโดย
ไม่หวังผลตอบแทน
แนวทางของฉือจี้ ก็เป็นทางเลือกแนวหนึ่ง ของคณาจารย์
ว่าจะให้นักศึกษา มาทำงานจิตอาสาในแนวทางนี้
คณะที่ไปบรรยาย มี อาสาสมัครฉือจี้ไปหลายท่านได้แก่
อจ.รัศมี
คุณ บังอร
คุณสุชน แซ่เฮง
คุณบุญประกอบ
คุณปราณี
คุณฐิติมา
คุณน้ำผึ้ง
คุณกวิช
และ นพ.สมบูรณ์ นันทานิช
วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ความหมายของคำ ฉือจี้ แปลไทยว่าอะไร
คำถาม : คำว่า "ฉือ จี้" ในภาษาจีนหมายถึงอะไร ?
คำตอบ : คำว่า "ฉือ" หมายถึง เมตตา คำว่า "จี้" หมายถึง สงเคราะห์
คำถาม : มาเป็นอาสาสมัครกับมูลนิธิพุทธฉือจี้ มีค่าใช้จ่ายหรือภาระผูกพันหรือไม่ ?
คำตอบ : ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆและไม่มีภาระผูกพันเพียงเตรียมตัวและจัดเวลาในวันที่ว่างมาร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฯเท่านั้น
คำถาม : มูลนิธิพุทธฉือจี้ เป็นลัทธิหรือไม่ ?
คำตอบ : ไม่ใช่ลัทธิ มูลนิธิฉือจี้ เป็นมูลนิธิ ในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ที่ไต้หวันโดยใช้หลักการให้ความช่วยเหลือโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์และศาสนา
คำถาม : ถ้าอยากเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิฉือจี้ ที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินกางเกงสีขาวจะต้องทำอย่างไร ?
คำตอบ : ประการแรก เราจะต้องมีจิตอาสา เพื่อเตรียมตัวช่วยเหลือผู้อื่นที่ยากไร้กว่า โดยเข้าร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฉือจี้ ไปบำเพ็ญประโยชน์ตามตารางกิจกรรมที่มูลนิธิฉือจี้กำหนดไว้ คอยดูอาสาสมัครพี่เลี้ยงที่งานจิตอาสา เพื่อจะนำเราเข้าสู่ผู้ที่มีจิตอาสาอย่างแท้จริง และเราจะต้องใส่เสื้อกั้กสีน้ำตาลเพื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและดูสวยงาม
ประการที่สอง หลังจากที่ได้ไปร่วมกิจกรรมแล้วและเข้าใจหลักการทำงานของมูลนิธิฉือจี้ อาสาสมัครใหม่จะต้องเข้าอบรมทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ อาสาสมัครใหม่จะต้องใส่เสื้อสีเทาและกางเกงสีขาวเมื่อเรียนรู้และเข้าใจหลัก การทำงานแล้วรวมถึงกฎระเบียบของมูลนิธิ จนบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมครบ 200 ชั่วโมง
ประการที่สาม หลังจากที่อาสามัครใหม่ ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมครบ 200 ชั่วโมงแล้วก็จะเข้าสู่การเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิฉือจี้ อย่างเต็มตัวจึงจะได้ใส่เสื้อสีน้ำเงินกางเกงสีขาว และเข้าร่วมกิจกรรมกับอาสาสมัครท่านอื่นๆต่อไป..
กฎที่อาสาสมัครทุกท่านควรปฏิบัติตาม
1. คู่สามีภรรยาในเวลาที่สวมใส่ชุดฟอร์มของมูลนิธิฉือจี้ร่วมทำกิจกรรมอยู่นั้น ควรจะละเว้นกิริยาที่สนิทสนมเกินงาม ควรปฏิบัติต่อกันด้วยมารยาทดั่งปฏิบัติต่อแขกผู้มีเกียรติ
2. ในขณะที่ชาวฉือจี้สวมชุดฟอร์มอยู่นั้นให้ละเว้นการรับประทานอาหารคาว และขณะที่อยู่ในสถานที่สาธารณะสุขนั้นกิริยาต้องสำรวจ อย่าส่งเสียงดังโดยเฉพาะตอนที่โดยรถเท็กซี่นั้น ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องภายในของฉือจี้ เพื่อไม่เกิดปัญหาผู้พูดพูดไปโดยไม่เจตนา แต่ผู้ฟังเข้าใจความหมายผิด
3. ฉือจี้เป็นองค์กรปฏิบัติธรรมที่บริสุทธิ์ เกี่ยวกับธุรกิจการขายตรง การเล่นแชร์หรือการกู้ยืมเงินทองควรหลีกเลี่ยงการกระทำนั้นในองค์กรฉือจี้ ถ้ามีเคสต้องปฏิบัติ ขอให้มอบให้สาขาในเขตนั้นเป็นผู้รับผิดชอบและแจ้งให้สำนักงานศาสนารับทราบ
4. รูปถ่ายของมหาเถระ “อิ้นสุ้น” หรือของท่านธรรมจารย์ “เจิ้งเหยียน” โปรดอย่าถ่ายรูปถ่ายสำเนาหรือพิมพ์ออกแจกจ่ายก่อนได้รับอนุญาต
5. รูปพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ รูปมหาเถระ “อิ้นสุ้น” ธรรมาจารย์ “เจิ้งเหยียน” นั้นควรติดในที่ที่เหมาะสมและสะอาด
6. หากไม่แจ้งขออนุญาตโปรดอย่าขายสินค้าการกุศลในนามของฉือจี้ ถ้ามีผู้มีจิตศรัทธาต้องการจะทำบุญ โปรดแนะนำให้บริจาคที่มูลนิธิฉือจี้ในนามของเขาเอง
7. โปรดอย่าใส่ชุดฟอร์มของฉือจี้หรือใช้ธงของฉือจี้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงานของฉือจี้
8. ในกิจกรรมสัมนาธรรม(ก้งซิว) หรืองานเลี้ยงน้ำชา โปรดอย่าขายสินค้าเพื่อการกุศลโดยพลการ ถ้าหากต้องการจัดกิจกรรมขายสินค้าเพื่อการกุศลให้แจ้งให้
สาขาหรือสำนักงานศาสนาสาขาใหญ่เพื่อรับทราบ
9. จุดเก็บสิ่งของรีไซเคิลของฉือจี้ตามที่ต่างๆ โปรดอย่าวางสิ่งของทับถมกัน ระเกะระกะกันจนแลดูไม่สะอาดตา ควรวางเก็บให้ดูดี ในเวลาที่เก็บสิ่งของรีไซเคิลนั้น หากพบรูปพระหรือตำราที่ฉีกขาด ต้องใช้กระดาษห่อให้เรียบร้อย
10. การแสดงภาษามือของฉือจี้ นั้นให้แสดงแต่เฉพาะกิจกรรมของฉือจี้เท่านั้น โปรดอย่านำไปแสดงในงานมงคลหรืองานอมงคลอื่นๆ
บัญญัติฉือจี้ 10 ประการ
1.ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
2.ไม่ลักเล็กขโมยน้อย
3.ไม่ประพฤติผิดในกาม
4.ไม่พูดปดมดเท็จ
5.ไม่ดื่มสุรา
6.ไม่สูบบุหรี่- ไม่เสพยาเสพติด-ไม่เคี้ยวหมาก
7.ไม่เล่นการพนัน ไม่ฉวยโอกาส
8.กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา พูดจาไพเราะ
9.ปฏิบัติตามกฎจราจร
10.ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองหรือการแสดงอำนาจ
(ส่วนหนึ่งของเอกสาร การอบรม อาสาสมัครฉือจี้)
คำตอบ : คำว่า "ฉือ" หมายถึง เมตตา คำว่า "จี้" หมายถึง สงเคราะห์
คำถาม : มาเป็นอาสาสมัครกับมูลนิธิพุทธฉือจี้ มีค่าใช้จ่ายหรือภาระผูกพันหรือไม่ ?
คำตอบ : ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆและไม่มีภาระผูกพันเพียงเตรียมตัวและจัดเวลาในวันที่ว่างมาร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฯเท่านั้น
คำถาม : มูลนิธิพุทธฉือจี้ เป็นลัทธิหรือไม่ ?
คำตอบ : ไม่ใช่ลัทธิ มูลนิธิฉือจี้ เป็นมูลนิธิ ในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน ที่ไต้หวันโดยใช้หลักการให้ความช่วยเหลือโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์และศาสนา
คำถาม : ถ้าอยากเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิฉือจี้ ที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินกางเกงสีขาวจะต้องทำอย่างไร ?
คำตอบ : ประการแรก เราจะต้องมีจิตอาสา เพื่อเตรียมตัวช่วยเหลือผู้อื่นที่ยากไร้กว่า โดยเข้าร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฉือจี้ ไปบำเพ็ญประโยชน์ตามตารางกิจกรรมที่มูลนิธิฉือจี้กำหนดไว้ คอยดูอาสาสมัครพี่เลี้ยงที่งานจิตอาสา เพื่อจะนำเราเข้าสู่ผู้ที่มีจิตอาสาอย่างแท้จริง และเราจะต้องใส่เสื้อกั้กสีน้ำตาลเพื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและดูสวยงาม
ประการที่สอง หลังจากที่ได้ไปร่วมกิจกรรมแล้วและเข้าใจหลักการทำงานของมูลนิธิฉือจี้ อาสาสมัครใหม่จะต้องเข้าอบรมทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ อาสาสมัครใหม่จะต้องใส่เสื้อสีเทาและกางเกงสีขาวเมื่อเรียนรู้และเข้าใจหลัก การทำงานแล้วรวมถึงกฎระเบียบของมูลนิธิ จนบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมครบ 200 ชั่วโมง
ประการที่สาม หลังจากที่อาสามัครใหม่ ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมครบ 200 ชั่วโมงแล้วก็จะเข้าสู่การเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิฉือจี้ อย่างเต็มตัวจึงจะได้ใส่เสื้อสีน้ำเงินกางเกงสีขาว และเข้าร่วมกิจกรรมกับอาสาสมัครท่านอื่นๆต่อไป..
กฎที่อาสาสมัครทุกท่านควรปฏิบัติตาม
1. คู่สามีภรรยาในเวลาที่สวมใส่ชุดฟอร์มของมูลนิธิฉือจี้ร่วมทำกิจกรรมอยู่นั้น ควรจะละเว้นกิริยาที่สนิทสนมเกินงาม ควรปฏิบัติต่อกันด้วยมารยาทดั่งปฏิบัติต่อแขกผู้มีเกียรติ
2. ในขณะที่ชาวฉือจี้สวมชุดฟอร์มอยู่นั้นให้ละเว้นการรับประทานอาหารคาว และขณะที่อยู่ในสถานที่สาธารณะสุขนั้นกิริยาต้องสำรวจ อย่าส่งเสียงดังโดยเฉพาะตอนที่โดยรถเท็กซี่นั้น ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องภายในของฉือจี้ เพื่อไม่เกิดปัญหาผู้พูดพูดไปโดยไม่เจตนา แต่ผู้ฟังเข้าใจความหมายผิด
3. ฉือจี้เป็นองค์กรปฏิบัติธรรมที่บริสุทธิ์ เกี่ยวกับธุรกิจการขายตรง การเล่นแชร์หรือการกู้ยืมเงินทองควรหลีกเลี่ยงการกระทำนั้นในองค์กรฉือจี้ ถ้ามีเคสต้องปฏิบัติ ขอให้มอบให้สาขาในเขตนั้นเป็นผู้รับผิดชอบและแจ้งให้สำนักงานศาสนารับทราบ
4. รูปถ่ายของมหาเถระ “อิ้นสุ้น” หรือของท่านธรรมจารย์ “เจิ้งเหยียน” โปรดอย่าถ่ายรูปถ่ายสำเนาหรือพิมพ์ออกแจกจ่ายก่อนได้รับอนุญาต
5. รูปพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ รูปมหาเถระ “อิ้นสุ้น” ธรรมาจารย์ “เจิ้งเหยียน” นั้นควรติดในที่ที่เหมาะสมและสะอาด
6. หากไม่แจ้งขออนุญาตโปรดอย่าขายสินค้าการกุศลในนามของฉือจี้ ถ้ามีผู้มีจิตศรัทธาต้องการจะทำบุญ โปรดแนะนำให้บริจาคที่มูลนิธิฉือจี้ในนามของเขาเอง
7. โปรดอย่าใส่ชุดฟอร์มของฉือจี้หรือใช้ธงของฉือจี้ในกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงานของฉือจี้
8. ในกิจกรรมสัมนาธรรม(ก้งซิว) หรืองานเลี้ยงน้ำชา โปรดอย่าขายสินค้าเพื่อการกุศลโดยพลการ ถ้าหากต้องการจัดกิจกรรมขายสินค้าเพื่อการกุศลให้แจ้งให้
สาขาหรือสำนักงานศาสนาสาขาใหญ่เพื่อรับทราบ
9. จุดเก็บสิ่งของรีไซเคิลของฉือจี้ตามที่ต่างๆ โปรดอย่าวางสิ่งของทับถมกัน ระเกะระกะกันจนแลดูไม่สะอาดตา ควรวางเก็บให้ดูดี ในเวลาที่เก็บสิ่งของรีไซเคิลนั้น หากพบรูปพระหรือตำราที่ฉีกขาด ต้องใช้กระดาษห่อให้เรียบร้อย
10. การแสดงภาษามือของฉือจี้ นั้นให้แสดงแต่เฉพาะกิจกรรมของฉือจี้เท่านั้น โปรดอย่านำไปแสดงในงานมงคลหรืองานอมงคลอื่นๆ
บัญญัติฉือจี้ 10 ประการ
1.ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
2.ไม่ลักเล็กขโมยน้อย
3.ไม่ประพฤติผิดในกาม
4.ไม่พูดปดมดเท็จ
5.ไม่ดื่มสุรา
6.ไม่สูบบุหรี่- ไม่เสพยาเสพติด-ไม่เคี้ยวหมาก
7.ไม่เล่นการพนัน ไม่ฉวยโอกาส
8.กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา พูดจาไพเราะ
9.ปฏิบัติตามกฎจราจร
10.ไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองหรือการแสดงอำนาจ
(ส่วนหนึ่งของเอกสาร การอบรม อาสาสมัครฉือจี้)
ป้ายกำกับ:
การพัฒนาอาสาสมัคร,
วินัยหน้าที่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)