เป็นข่าวกิจกรรมของกลุ่ม อาสาสมัครฉือจี้ เขตราชบุรี บันทึกความก้าวหน้า สื่อสาร เผยแพร่ ข่าวสารให้ผู้ที่สนใจ กิจกรรมจิตอาสาแนวพุทธฉือจี้ ทราบและมาร่วมงานกัน
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กระทรวง พม. กับ มูลนิธิฉือจี้
วันที่ 3 มีนาคม 2555
เวลา 16.00 น.
สถานที่ สมณารามจิ้งซือ(มูลนิธิพุทธฉือจี้สำนักงานใหญ่) เมืองฮวาเหลียน ไต้หวัน
เจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์นำโดยท่านปลัดกระทรวงได้เข้าพบท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน ณ ห้องรับรองที่สมณาราม
มีผู้ร่วมคณะจากทางกระทรวงร่วมแบ่งปันและขอคำชี้แนะ 4 ท่าน โดยคำถามโดยสังเขปเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและบริหารองค์กรจนมีจำนวนอาสาสมัครมากมาย และมีระเบียบวินัย และสามารถกระจายไปตามชุมชน และสุดท้ายปลัดกระทรวงได้แบ่งปันและมีประเด็นรายงานต่างๆดังนี้
1 หากมีอาสาสมัครชาวไต้หวันมีใจเข้ามาทำงานจิตอาสาที่ประเทศไทย ทางกระทรวงสามารถช่วยเหลืออำนวยความสะดวกเรื่องการทำวีซ่าให้มีเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย ได้สองปี เพื่อลดปัญหาการที่อาสาสมัครต้องเดินทางเข้าออกประเทศไทยทุกๆสามเดือน
2 ในกรณีมีสิ่งของเพื่อบริจาคหรือบรรเทาภัยพิบัติ ทางกระทรวงยินดีช่วยเหลือเรื่องการงดเว้นภาษีนำเข้าโดยให้ทางมูลนิธิฯทำหนังสือผ่านทางกระทรวงต่างประเทศของไต้หวัน
3 ในอดีตไม่ทราบว่าทางฉือจี้ได้ก่อต้องโรงเรียนขึ้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเมื่อได้รับทราบแล้วจะพยายามผลักดันให้ประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ช่วยกันพัฒนาให้โรงเรียนฉือจี้เป็นโรงเรียนต้นแบบของประเทศไทย
4 ทางกระทรวงพัฒนาสังคมฯมีโครงการที่จะตั้งสถานีโทรทัศน์ซึ่งเป็นโทรทัศน์สีขาว หวังว่าทางโทรทัศน์ต้าอ้ายจะได้ให้การสนับสนุนเรื่องรายการที่จะนำเสนอ
5 ขอขอบคุณทางมูลนิธิฯที่ได้ให้การช่วยเหลือบรรเทามหาอุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว(2011) ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงภัยบรรเทา
ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนให้โอวาท :
จากที่เมื่อสักครู่ได้ยินทุกท่านที่แบ่งปันแล้วรู้สึกได้ว่าทุกๆท่านนั้นเป็นผู้ที่มีความรักห่วงใยประชาชนอย่างเต็มเปี่ยม ฉือจี้ปีนี้ย่างเข้าสู่ปีที่46 ทุกๆเรื่องไม่มีแบ่งเล็กหรือใหญ่ฉันใด ทุกๆคนย่อมมีจิตที่เปี่ยมไปด้วยความรักเท่าเทียมกันฉันนั้น ฉือจี้นั้นเกิดขึ้นมาจากหลักคิดทางศาสนา ประเทศไทยก็เป็นเช่นนี้ ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาการเสียสละที่มีกำลังเพียงน้อยนิด แต่การเสียสละนั้นมาจากจิตที่เปี่ยมด้วยศรัทธาบริสุทธ์และทำสุดกำลังกายกำลังใจ 40กว่าปีมานี้จากเริ่มต้นเดินมาทีละก้าวๆทำมาเช่นนี้โดยตลอด ฉือจี้เป็นองค์กรของศาสนาพุทธ ใช้ศีลเป็นกฎเกณฑ์ ทุกๆคนมีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของตน ฉือจี้ถึงแม้ว่าจะขยายสาขากว่า50ประเทศทั่วโลกและมีไม่น้อยที่นับถือศาสนาต่างๆกัน แต่ทุกคนมีจิตวิญญาณยึดมั่นในศาสนาของตน (คริสต์ อิสลาม) แต่ละประเทศนั้นๆ ใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจศรัทธามาจากเบื้องลึกจริงๆ ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน นั่นก็คือใช้ความรักในการดูแลบริหาร ใช้ศีลเป็นกฎเกณฑ์ ชาวฉือจี้ทุกคนมีความรักในตนเองเป็นการดูแล บริหารตนเอง เครื่องแบบ การเดิน เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะทุกคนมีหลักศาสนาเป็นที่ตั้งจึงทำให้ทุกคน ร่วมใจ สามัคคี รักใคร่ปรองดอง ดูแลซึ่งกันและกัน ร่วมแรงสมานฉันท์ ต้องอยู่ร่วมกันโดยสันติสุข ศาสนาทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันในโลกนี้และร่วมกันทำงานเสียสละ รากฐานของฉือจี้ก็คือจิตใจที่เปิดกว้าง
ภารกิจของฉือจี้เริ่มต้นจากการกุศลเช่นเดียวกันกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ถ้าสวัสดิการของสังคมครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขอย่างไรก็ตามหากมีองค์กรภาคประชาชน(NGO) ด้วยก็จะยิ่ง ทำให้มีกำลัง ภาครัฐต้องส่งเสริมองค์กรภาคประชาชน ที่ใดมีภัยพิบ้ติหรือความทุกข์ยากเกิดขึ้น ในบางครั้งรัฐไม่สามารถที่จะไปได้ทันที หากมีองค์กรภาคประชาชนก็จะสามารถเข้าให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที การที่จะให้ภาครัฐสมบูรณ์มีความพร้อม ต้องมีจิตใจที่มีความรักที่ ยิ่งใหญ่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน รัฐต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การบริหารงานก็จะเป็นไปด้วยความสามัคคีปรองดอง ยกตัวอย่างเช่น มีประเทศหนึ่งเป็นประเทศปกครองระบอบเผด็จการทหาร ประชาชนยากจนมาก ฉือจี้ไม่เคยมีปฎิสัมพันธ์กับประเทศนี้มาก่อน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีประเทศหนึ่งประสบวาตภัยครั้งใหญ่ สูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตมากมาย ฉือจี้จะเข้าให้การช่วยเหลือภัย ต้องอ้อมไป ยังประเทศอื่นก่อน ชาวฉือจี้เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตน ช่วงแรกรัฐบาลประเทศนั้นไม่อนุญาตให้องค์กรต่างประเทศเข้าไปแต่ชาวฉือจี้มีโอกาส ได้เข้าไปทำงานแต่ก็ได้รับอุปสรรคทำให้การช่วยเหลือไม่ราบรื่น แต่ทว่าในเวลาเดียวกันชาวฉือจี้ก็ได้ทำการช่วยเหลือประเทศอื่นด้วยทำให้ พวกเขาได้สังเกตุเห็นการทำงานของฉือจี้ รัฐบาลของประเทศแรกนั้นได้รู้แล้วว่าฉือจี้เป็นองค์กรที่ดีมากก็เกิดกลัวว่าภัยพิบัติใหญ่หลวงนี้ สิ่งของช่วยเหลือจากฉือจี้จะถูกนำไปให้ประเทศอื่น ทำให้ผู้นำประเทศนั้นได้ส่งหนังสือขอให้ฉือจี้มาช่วยเหลือภัยพิบัติ จนถึงขณะนี้การ ช่วยเหลือยังมีต่อเนื่องเช่นการสร้างโรงเรียน ช่วยเหลือเกษตรกร เพราะรัฐบาลเข้าใจ ประชาชนก็สามารถยืนด้วยลำแข้งตนเองนี่คือวัฎจักร แห่งความรัก ดังน้นขณะนี้ประเทศนั้นกำลังดำเนินไปสู่หนทางแห่งความสงบสุข มีองค์กรที่เปี่ยมไปด้วยความรักทำงานอย่างเสียสละ รัฐบาลให้การสนับสนุน ก็จะทำให้ประเทศมั่งคั่ง สังคมช่วยกันดูแลประชาชน ทุกคนดูแลซึ่งกันและกัน กอปรกับรักษาความรักที่ไม่เห็น แก่ประโยชน์ส่วนตนตามหลักศาสนา ให้ทุกๆคนร่วมแรงเสียสละดัวยกัน
ที่ไต้หวันเริ่มจากการกุศล จากเงินทีละน้อยรวมกัน จึงเกิดการรักษาพยาบาล ขณะนี้มีโรงพยาบาลถึง 6 แห่งสร้างขึ้นที่ชนบท การเคารพชีวิตเป็นเป้าหมาย นอกจากยื้อยุดฉุดช่วยชีวิตแล้ว ก็ช่วยเหลือผู้ยากจนและผู้เจ็บป่วย โรงเรียนฉือจี้ที่อำเภอฝางมีประถมและมัธยม ปีหน้าก็จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย หวังว่าในอนาคตจะมีวิทยาลัยอาชีวศึกษา ที่ไต้หวันยังมีชั้นอนุบาล ประถมถึงปริญญาเอกเป็นการศีกษาแบบ เต็มรูปแบบ โดยหวังให้สั่งสอนนักเรียนทุกคนให้เป็นผู้มีคุณธรรม นับตั้งแต่ศูนย์คุณธรรมของประเทศไทยเดินทางมาเยี่ยมชมฉือจี้ที่ไต้หวัน จนถึงขณะนี้มีคนไทยมาเยี่ยมชมฉือจี้แล้วเกือบหมื่นคน แสดงว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับคุณธรรมเป็นอย่างมาก การศึกษาของฉือจี้นั้นไม่เหมือนกับการศึกษาทั่วๆไป ฉือจี้จะให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ชีวิต ชีวิตของเด็กไม่เป็นไปตามครรลอง ปัญหาสิ่งเสพติดในสถานศึกษาเหล่านี้เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใกล้เคียงกับสามเหลี่ยมทองคำ ฉือจี้ได้เล็งเห็นว่าจะทอดทิ้งเด็ก นักเรียนเหล่านี้ไม่ได้แต่กลับต้องให้คำแนะนำ ให้เขาได้มีโอกาส สังคมจึงจะสงบสุขได้ การให้การศึกษากับนักเรียนต้องสามารถนำความรู้นั้น กลับไปที่บ้านที่ครอบครัว พ่อแม่ก็ต้องเรียนรู้ ฉือจี้ยังมีการศึกษาให้กับสังคม ที่จริงแล้วจะต้องให้การศึกษาลงไปยังชุมชนแบ่งปันจริยธรรม มนุษยธรรมแบบฉือจี้ หรือการเข้ากลุ่มอ่านหนังสือศึกษาธรรมะ ปลูกฝังคุณธรรมต่างๆให้กับชุมชนได้รับรู้ จากชุมชนขยายเป็นสังคม นี่คือการผลักดันการศึกษาของฉือจี้ในประเทศไต้หวัน ต้องลงลึกไปในชุมชนจึงจะเรียกได้ว่าเป็นการหยั่งราก
หลักปฎิบัตินิยมของศาสนาพุทธในประเทศไทยและไต้หวันแตกต่างกัน ที่ไต้หวันเน้นการเสียสละเพื่อสังคมและทำอย่างไรจึงจะแบ่งปัน คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้ทุกคนได้รับรู้ กระตุ้นความรักความเมตตาให้ออกมาจากใจ ขอเพียงในใจมีธรรมะก็คือจิตใจที่เต็มเปี่ยมด้วย ความเมตตากรุณา ก็จะยอมเสียสละ พุทธศาสนาต้องเดินเข้าหามวลชน ไม่ใช่ให้มวลชนมาช่วยเหลือศาสนา หากทุกท่านสามารถขับเคลื่อน เข้าสู่ชุมชน เริ่มต้นผลักดันให้มีจิตวิญญาณตามหลักพุทธศาสนาในทุกๆชุมชน ในประเทศไทยนั้นมีผู้ที่ยินดีช่วยเหลือผู้อื่นอยู่มากมาย ที่ประเทศไทยก็มีกลุ่มนักธุรกิจชาวไต้หวันอยู่ไม่น้อย เมื่อสักครู่นี้ที่ท่านกล่าวว่าจะใช้โทรทัศน์เป็นสื่อ ได้ยินเช่นนี้แล้วรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ฉือจี้มีสถานีโทรทัศน์ต้าอ้ายมาเผยแพร่พลังแห่งความรัก อีกทั้งยังมีการทำรีไซเคิลก็สามารถใช้โทรทัศน์เป็นสื่อในการเผยแผ่ความรู้ ให้ทุกคน ตระหนักถึงการรักษาสิ่งของเครื่องใช้และยืดอายุการใช้งาน การอนุรักษ์พลังงานและลดปริมาณการผลิตก๊าซพิษที่เป็นต้นเหตุของ ภาวะโลกร้อน ไม่ทำลายป่า อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไม่พัฒนาทางด้านวัตถุและใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย ตัวอย่างเช่นการเก็บขวด พลาสติกนำมาทำเป็นผ้าห่ม การใช้โทรทัศน์เป็นสื่อย่อมมีอิทธิพลมากกว่าการใช้คนไปบอกกล่าวและก็สามารถใช้รายการโทรทัศน์บอกให้ ทุกคนรู้ว่าการที่จะเป็นคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีเงินมากมาย ที่สำคัญนั้นคือจิตใจที่มีความรักของประชาชนทุกคน โทรทัศน์ต้าอ้ายมีละครที่มีเนื้อหาสาระสามารถอบรมให้ความรู้ขัดเกลาจิตใจคนได้ โทรทัศน์ต้าอ้ายสามารถรับชมได้ทั่วโลก หากแต่ขอให้ อย่าล็อคสัญญาณก็พอ คนมากมายก็จะรับชมได้ หากจะแปลรายการเป็นภาษาไทยให้คนอีกจำนวนมากสามารถเข้าใจได้นั้นก็เป็นสิ่งที่ดีมาก โทรทัศน์ต้าอ้ายเป็นเช่นกระแสธารบริสุทธิ์ ใช้ชี้นำทางให้จิตใจคน ใช้โทรทัศน์ก็จะสามารถแผ่ขยายได้ในวงกว้างหลายปีมานี้คนไทยมา เยี่ยมชมฉือจี้ที่ไต้หวันเป็นจำนวนมากต่อไปหากเปิดโทรทัศน์ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ไต้หวันก็สามารถเข้าใจฉือจี้ได้
จบการให้โอวาทและการสนทนา
誠請參閱: 3/3 泰國請示報告及泰國社會福利部參訪開示
下午四點半,泰國社會發展福利部與上人溫馨座談(於 上人新會客室),並由四位分享,分別詢問慈濟如何如此有規律、整齊及隊伍浩蕩長的志工,落實在社區,並最後由社會發展福利部次長向 上人分享以下五點:
1. 若有台灣志工要在泰國付出,可以協助發兩年的簽證,不用每三個月重新申請。
2. 若要免稅進口物資,可以透過台灣外交部發函,免稅進口。
3. 之前不知道清邁學校,現在會鼓勵芳線人口來護持這個學校,成為泰國的典範
4. 社會發展福利部今年要建立電視台(一樣播放清流節目),希望請大愛台協助
5. 感恩慈濟人去年給予泰國水患即時的援助
上人開示:
從剛才的分享,知道大家都很愛民。慈濟46年了,凡事不分大與小,人人都有共同的愛,慈濟 的開頭是個宗教理念,泰國也是這樣的國家。慈悲喜捨付出的力量小小的,但付出的很誠心,很盡心力。40多年,從開頭就是一步一步這樣的做。慈濟是佛教的團 體,是以戒為制度,人人都有宗教理念,慈濟雖普及在50幾個國家,雖很多人宗教不同,但人人有宗教的精神(回教、基督教),每個國家只要打從內心有誠懇的 心,沒有私心,就是以愛為管理,以戒為制度。每個人有自我愛的管理,穿、走就會很整齊,因為有宗教理念,就會很合心、和氣,互相關懷,協力。要共同和平共處,宗教在普天下可以共同去付出。慈濟的基礎就是開闊的心。
慈濟是從慈善開始,就像福利部一樣,福利部健全,就會造福人民。但少不了民間的團體,才能有力量。政府要支持民間的團體,那裡有災難、痛苦...政府無法隨時到,但民間團體可以即時協助,要讓政府健全起來,就要有個大愛無私的心,政府要互助,做起來就會合。舉例,在一個國家,比較有軍政府的生態,那個國家的民眾很窮,過去沒有互動。幾年前這個國家發生了大風災,損失很大,死了很多人,慈濟要繞 過其他國家才能抵達,慈濟人很低調,本來不允許任何人去,結果我們在付出的時候,剛開始,有點阻擋,慈濟工作就會不順暢,結果同時,我們在別的國家付出,他們觀察到了,這個政府知道慈濟是很好的團體,災難那麼大,怕慈濟的支援會往那個國家,結果總理室就發函來,請慈濟來幫忙。到現在還有在建設教育,幫助農 民。政府因為瞭解,人民也站立起來,這就是愛的循環。所以國家已經往安定的軌道。有愛的團體去付出,政府能支持,一定會讓國家富裕。社會照顧民眾,可以相輔相成。秉著宗教無私的愛,讓人人可以有共同的力量去付出。
在台灣是從慈善,小小錢的匯聚,才有醫療,現在有六家醫院,設立在鄉下,尊重生命的目標,搶救生命以外,也幫助有病及有貧的人。慈濟清邁有小學、中學,明年有高中,希望未來能有技術學院。在台灣我們有幼稚園、小學到大學,就是一貫教育,期待教 導他們道德教育。泰國道德中心這幾年有上萬人來參觀,代表泰國很注重道德這一塊。我們教育不一樣,就是要重視生活教育。孩子的生活脫軌,吸毒等,尤其是金三角這一帶。我們也有發現有這樣的學生在學校,不是放棄而是要輔導,社會才會祥和。小孩教育要帶回家庭,父母也要學習,我們還有社會教育,其實我們都會落 實社區,把慈濟人文、讀書會、人文道德跟社區分享,社區就會報到社會,才是我們慈濟為台灣社會做的教育推廣。能落實社區,才是根本。
泰國與台灣的佛教不一樣,台灣是為社會付出,如何把佛陀的教法跟人人分享,人人都要啟發愛心。只要心中有法,就有慈悲心,就會來付出。佛教是要走入人群,不是人群來幫助佛教。您們可以落實社區,從那裡來帶動佛教精神。在泰國願意幫助人的人很 多,我們也有台商在那,剛才說要用電視台,聽了很高興。我們有大愛電視台來傳播愛的力量,還有環保,透過電視可以宣導及愛惜物命、節能減碳。不要從大地開發資源,如保特瓶可以回收,毛毯再製。電視可以去宣得,由人去說法有限,但透過這樣的節目可以宣導,救人的人不一定很有錢,最重要是民眾的愛心,我們電視 有戲劇,有教育性的,大愛的衛星全球都收得到節目,只要您們不要把他鎖起來,很多人就可以看到大愛台。若要把節目翻譯成泰文,讓更多人看得懂,這都很好。大愛台是一股清流,要輔導人心,透過電視就會很普及。這幾年來泰國來台灣參訪的有幾萬人,有電視只要打開,就不用來台灣看慈濟。
無限感恩
泰國分會合十
TEL : (66)2-6421888 # 301
FAX : (66)2-6421890
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)